วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เรื่องที่ 2: กำจัดอัตตา

                   วันอาทิตย์ที่ 7  สค. 54   ตัวน้อยได้ไปมิสซา   8:30  ที่วัดอัสสัมชั  และ 10 โมงถึง เที่ยงได้เข้าร่วมประชุมของคณะคาร์เมไลท์ครั้งแรก   ทั้งที่เคยถูกชักชวนจาก ลูกแกะพี่เลี้ยง คนที่สามที่พระเจ้าประทานให้ รู้จักกันมาตั้งแต่เดือน ตุลาคมปีนี้แล้ว ( 10 เดือนก่อน เมื่อถูกพระเจ้าเรียกกลับ (อย่างไรนั้น รออ่านในเรื่องที่สิบเอ็ดนะคะ)  ได้ไปเรียนพระคัมภีร์ที่บ้านผู้หว่านเป็น กิจกรรมศรัทธาแรกที่ได้ทำ  และพี่เขาเข้ามาทักทาย  ดูแล และหลังจากนั้น ก็จะหมั่นโทรมาชวนไปร่วมกิจกรรมศรัทธาต่าง  (น่ารักจริง ๆ  ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งพี่เขามาให้ )  เพราะที่ผ่านมา ติดงาน หรือธุระตลอด  ใจจริงนั้น อยากลองเข้า ประชุม เพราะ อยาก เรียนรู้กิจกรรมศรัทธาต่างๆ อยู่แล้ว  และวันที่มาได้  ก็มาถึง  (สิบเดือนต่อมา)

                    ตัวน้อยประทับใจการแบ่งปันของคุณพ่อ ฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกยิง ด้วยปืนกล สาดพระวาจาใส่จนรับแทบไม่ทัน แต่จดทัน และพระวาจาสอนเราทุกเรื่องจริงๆ

                   จากนั้น แวะเอาของฝากจากญี่ปุ่นให้นายชุมพาบาลที่สามตัวน้อยได้ คุย   และบ่นให้ คุณพ่อฟังว่า   ตอนนี้ ตัวน้อยเริ่มดื้อแล้ว  เมื่อคืนดีกับพระเจ้าแล้ว  จะถูกปลุกมา สวด กลางดึกทุก คืน ตีสองบ้าง ตีสามบ้าง ตีสี่บ้าง  แล้วแต่พระเจ้าจะเห็นว่านอนพอแล้ว  จะถูกปลุก แบบนอนต่อ ไม่ได้ แล้วเริ่มสวดภาวนาทุกวัน
                  
                     ทำไมถึงถูกปลุกนั้น  ในเช้าคืนอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงฟื้นคืนชีพ เสด็จสู่สวรรค์ ( อา. 24  เมย. 54 ) ตัวน้อยเพิ่งทำงานทัวร์เสร็จ  เหนื่อยมาก  และได้หยุด  เมื่อถูก ปลุกกลางดึก  ตัวน้อยงอแง  “วันนี้ได้หยุด  มีเวลาคุยกับพระองค์ทั้งวัน  ขอนอนก่อนได้มั๊ย  พระเจ้าข้า”  แล้ว เสียงในใจดังขึ้นมาว่า  “ เราคิดถึงเจ้า   ตัวน้อยอึ้ง  คิดว่าคิดไปเองหรือเปล่า   แต่ตอบเสียงในใจว่า  “เข้าใจแล้ว  พระเจ้าข้า”   เพราะรักจึงคิดถึงใช่มั๊ยคะ  ตัวน้อยคิดได้ดังนี้  จึงลุกขึ้นมาสวด   และพยายามไม่งอแงเวลาถูกปลุกขึ้นมาสวดทุกวัน   พระเจ้าคงปรารถนาให้ตัวน้อยเป็นตัวแทน  บอกทุกคนว่า  พระองค์รัก  และคิดถึงทุกคนเช่นกัน   หมั่นสวดภาวนากันบ่อย ๆ อย่าทำให้คนที่รักเรา  รอเก้อเลยนะคะ 

                   หลังจาก ตัวน้อยกลับจากการเข้าเงียบ  แบบจิตภาวนาของ บราเดอร์ชุมพล(23-24 ก.ค.  54  (ห้าเดือนตั้งแต่เริ่มสวด 1 กพ. จากคนที่สวด แค่สายประคำสิบเม็ด เฉพาะวันทำงาน มายี่สิบ
กว่าปี มาสวด สี่สิบห้านาที  ชั่วโมงครึ่ง  และปัจจุปัน สองโมงครึ่ง ในวันหยุดที่สวดครบทุกบท)  พระเจ้าทรงเมตตา   หรือ   ทรงลอง ใจ  ปลุกแบบพอให้รู้ตัว ตัวน้อยจะงอแง  โอ้เอ้ ต่อรอง ผัดผ่อน เรื่มดื้อ  และเกียจคร้านที่จะลุกขึ้นมาสวด

                   ตัวน้อยยังคุยให้นายชุมพาบาลที่สามฟังว่า  ตัวน้อยนิสัย  นอกจากดื้อ (ด้วยเป็นคนเกิด ปีม้า คิดว่า ม้าดีต้องมีพยศ  จึงต้องมีจ็อกกี้คอยคุม คอยตีสักหน่อย ถึงจะเป็นม้าแข่งที่ดีได้)  แล้ว ยังอีโก้ หรือ อัตตาสูง  ด้วยว่า ตัวน้อยจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เกียรตินิยม เหรียญทอง จึงทำให้คิดว่า   ตัวเองค่อนข้างแน่ ฉลาดพอตัว   เชื่อมั่นในตัว เองสูง และ ประกอบกับเป็นลูกคนเล็ก ก็เลยเอาแต่ใจ ในบางครั้ง  (ตัวน้อยเหมือนกบในกะลา  โลกของตัว น้อย ใบเล็กมาก  แต่ในโลกของตัวน้อย   ตัวน้อยป็นผู้หญิงแถวหน้า คนหนึ่งเหมือนกัน)  ต่
ขี้อ้อน ขี้แง  และขี้ขลาดด้วยพระเจ้าทรงหยั่งรู้  เลยส่งพี่เลี้ยงมาดูแลตลอด   (พระเจ้า น่ารักจริงๆคะ)

                  และแล้ว  วันแห่งการกำจัดอัตตาก็มาถึง

                ช่วงก่อน วันที่  10 ส.ค. 54   ตัวน้อยได้คุยกับนายชุมพาบาลที่หนึ่ง  ได้ขอให้คุณพ่อ ช่วยใส่คอร์ดกีตาร์  และปรับแต่งทำเพลงที่ ตัวน้อยแต่งให้  เพื่อให้ถูกต้องตามหลักภาษาศาสตร์ และเทวศาสตร์ เพื่อให้สามารถเผยแผ่สู่สาธารณชนต่อไป
  
                   แม้ว่า ตัวน้อยคิดว่า เพลงที่แต่งทั้งเนื้อร้อง และทำนองเอง  ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องโน๊ต  ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องดนตรี  ไม่มีทักษะการแต่งเพลง  เป็นพระพรที่ทำให้ตัวน้อยทำได้  เพราะ ที่ผ่านมาไม่เคยทำ  แต่เมื่อได้รับรู้ถึงความรักของพระเจ้า  ได้สัมผัสถึงความรัก  และพระเมตตา
ของพระเจ้าแล้ว  ความรู้สึก  มันล้นใจ   ล้นออกมาเป็นภาษาเพลง  ทุกเพลงจึงแต่งออกมาจากความ รู้สึกของหัวใจรัก  เวลาที่ความรู้สึกมันล้นใจ   ตัวน้อยแค่มีกระดาษกับปากกา  เนื้อร้อง  และทำนอง 
จะค่อย ๆ หลั่งใหลออกมา ( มีพยานสามคนที่อยู่กับตัวน้อยขณะแต่งเพลง)

                   และในเมื่อคุณพ่อกรุณาช่วยปรับแต่งให้     เพลงจึงเป็นผลงานของเราสองคนแล้ว  ตัวน้อยส่งข้อความไปถามคุณพ่อว่า   “คุณพ่อคิดอย่างไร  ถ้าจะใช้คอนเซ็บอัลบั๊มว่า.   “.เพลงจาก พระพรของลูกแกะหลงทาง  โดยพันธกิจของนายชุมพาบาล”....ซึ่งตัวน้อยจะตั้งใจให้ หมาย ความ ว่า    พันธกิจของนายชุมพาบาลที่พาลูกแกะหลงทางกลับบ้าน  และลูกแกะได้รับพระ พรการ แต่ง เพลง   และนายชุมพาบาลช่วยดูแลให้เพลงนั้นครบครัน”

                  คุณพ่อตอบกลับมาว่า  “ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง    เพราะลูกแกะยังดื้อและยึดมั่นถือ มั่นในอัตตาของตัวเองมากเกินไป  และเรื่องคุณภาพของเพลง  ยังต้องปรับแต่งอีกเยอะ  ใจเย็นๆ”

                  พอตัวน้อยได้อ่าน   รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงหัว   ถูกลูกศรปัก ที่หัวใจ ตอนแรก มัน
ชา   พอวันต่อมา  (11 สค. 54 )  ตอนบ่ายสามโมง   ตัวน้อยสวดพรเมตตา แล้วรำพึงภาวนาคุยกับพระเยซู  ไม่รู้ทำไม  ร้องไห้สะอึกสะอื้น  คร่ำครวญ กับพระเยซู ใหญ่เลย  ตัวน้อยรู้ ตัวอยู่ แล้วว่าเป็นคนแบบนี้ เมื่อสองวันที่แล้ว เพิ่งคุยกับ นายชุมพาบาลที่สาม  แล้วตัวน้อยมา โดนจี้ใจดำ  แบบนี้  มันเจ็บ  น้ำตากระอักแทน เลือดเลย

                   ตอนบ่ายสี่โมง นายชุมพาบาลที่สี่ส่งข้อความมา บอกอีกว่า  คุณพ่อจะไปประชุมต่าง ประเทศ หนึ่งอาทิตย์  ตัวน้อยร้องไห้โฮเลย    ตัวน้อยส่งข้อความไปหาคุณพ่อว่า  “แล้วคุณพ่อไม่อยู่ ใครจะปลอบตัวน้อย  อือ ตัวน้อยน่ะ โตแต่อายุ   แต่ตัวกับหัวใจยังไม่โต

                  คุณพ่อกรุณาส่งตอบกลับมาว่า  “ The holy spirit is always with you. So, don’t worry. God bless you. “

                   นายชุพมพาบาลที่สี่  คืออีกหนึ่งความรักของพระเจ้าที่ส่งมาดูแลลูกแกะที่ยังไม่โต
ของ พระองค์ (ห้าเดือนของชีวิตจิตวิญญาณ) ตัวน้อยได้พบ ได้รู้จัก กับคุณพ่อ   เมื่อไปเข้าเงียบ เดิน ทางไกล  คนเดียวครั้งแรกในชีวิต ที่สวนเจ็ดริน  จ. เชียงใหม่ วันที่ 9-16  มิ.ย.  54  เพียงเพราะอยากรู้จัก  และอยากใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้น  คุณพ่อเป็นผู้นำวิญญาณ   ในระหว่างนี้  ตัวน้อยจะต้อง พบ คุณพ่อวันละหนึ่งชั่วโมง   เพื่อแบ่งปันการสัมผัสพระเจ้า ในแต่ละวัน   ในวันที่เจ็ดซึ่งวันสุด ท้าย  (จะกลัวัรุ่งขึ้น)    พี่สาวคนโต  (ลูกแกะพี่ เลี้ยงที่หนึ่งเป็นผู้ที่ศรัทธา  และพยายามพาน้องกลับมาหาพระเจ้า  และได้ชวนไปแสวงบุญที่เวียดนามกลาง   ฉลองแม่พระลาวาง  ทำให้ตัวน้อยเข้าสู่กระบวนการกลับใจ  อย่างไรนั้น  รออ่านในเรื่องต่อไปนะคะ)  โทรมา บอกว่าขโมยเข้าบ้าน   ตัวน้อยตกใจ และขวัญเสียมาก คุณพ่กรุณาคุย ปลอบ อยู่เกือบสามชั่วโมง    (แล้ว ก็เดินทางกลับ คืนนั้นเลย  ทำไมนั้น  รออ่านในเรื่องที่สี่นะคะ)

                      แม้เมื่อ ตัวน้อยกลับมาแล้ว  นายชุมพาบาลที่สี่ เหมือนเป็นพระบิดาที่ตัวน้อย สัมผัสได้   คุณพ่อดูแลจิตใจตัวน้อย  เหมือนดูแลลูกเล็กๆ ที่โอบอุ้มด้วยความรัก ห่วงใย  และ เอาใจใส่  สั่งสอน  ตักเตือน  และอยู่เคียงข้าง ด้วยกำลังใจที่มีให้มาเสมอ

                      ในคืนวันที่ 11  สค. 54   หลังจากตัวน้อยเสียน้ำตาแทนเลือดตายไปแล้ว  ได้รับ การชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ จากนายชุมพาบาลที่หนึ่ง คุณพ่อกรุณาโทรมาหา  ได้คุยกัน   ตัวน้อยเข้าใจ ที่คุณพ่อไม่เห็นด้วย   คุณพ่อมีเหตุผลที่ดีของคุณพ่อ  ตัวน้อย ยอมรับ 

                      ตอนตัวน้อยรับโทรศัพท์คุณพ่อ   บอกคุณพ่อ  ตัวน้อยตายไปแล้ว”   คุณพ่อ เลย เทศน์ตัวน้อยชุดใหญ่เลย  ตัวน้อยจำไม่ได้ทั้งหมดใจความว่า  “(1)เมล็ดข้าว ที่ตกดินต้องเน่า
เปื่อยเสียก่อน  จึงเกิดเป็นต้นใหม่  ให้ผลร้อยเท่าบ้าง ห้าสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่า บ้าง” ( พระวาจา
นี้  เป็นของใคร  บท และข้อใด  ผู้ใดทราบ  กรุณาตอบมาบอกทางเมล์ ขอบคุณคะ เหตุผจริง ๆ  คือ  อยากคุย  และรู้จัก  กับผู้อ่าน ได้ติดต่อกันหน่อยคงจะดี ไม่อยากคุยคนเดียวเลยคะ)

                      เมื่อสองวันก่อน   ตัวน้อยส่งข้อความไปหานายชุมพาบาลที่สาม ว่า  “เมื่อวาน ตัว
น้อยไปสวดกิจการของพลมารีในหมู่บ้าน  มีหลายคนจำได้  และพูดถึงเรื่องที่ออกอากาศ  กระแส ตอบรับค่อนข้างดี หลังจากสวดเสร็จ  เราแบ่งปันกันต่อ  เพราะเป็นที่รู้จักเสียแล้ว  ตัวน้อยต้อเป็นแบบอย่าง เป็นภาพลักษณ์ความรัก  และเมตตาของพระเยซู    ความสุภาพ อ่อนน้อม ถ่อม ตนของแม่พระ  การเปลี่ยนแปลงตัวเองมันยาก  แต่จะพยายาม  เพราะพระเจ้าทรงทำให้รักแล้วนี่”

                      แล้วเมื่อวาน  ตัวน้อยโดนศรปักหัวใจที่ดื้อรั้น เอาแต่ใจ และยึดมั่น ถือ มั่นในตัวเอง มากเกินไป

                       ตัวน้อยได้ส่งข้อความให้นายชุมพาบาลที่สาม เรื่องนี้ด้วย  ว่า   ตัวน้อย อยากให้หัว ใจเก่าตายไปจริงๆ  และมีหัวใจใหม่เพื่อพระเท่านั้น”

                      ตัวน้อยได้ส่งข้อความถึงนายชุมพาบาลที่สองด้วย     แล้วซีสเตอร์กรุณาตอบกลับมาว่า  “ ขอพระอวยพร ตัวน้อยคนดีนะจ๊ะ”   ขอ โมนทนาขอบพระคุณพระเจ้าสุดจิตสุดใจ ที่ส่งคุณพ่อ และซีสเตอร์ที่น่ารักมาให้

                     ( ทำไมตัวน้อยติดต่อทางข้อความนั้น  เพราะว่า  พวกท่านงานยุ่งมาก  ไม่ทราบจะ
สะดวกคุยตอนไหน  จึงส่งข้อความไป  ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ท่านจะโทรกลับ  ถ้าเป็นเรื่องเล็ก
ท่านจะส่งข้อความตอบ  ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ  ท่านจะไม่ตอบ  ตัวน้อยก็จะเศร้าเล็ก ๆ เป็นลูกหมา...เอ้ย ..ลูกแกะหงอย  หูตก..หางตก    นิดนึง....)

                    ด้วยเหตุฉะนี้   หัวใจเก่าของตัวน้อยได้ตายไป   เลยไม่ดื้อ ไม่งอแงเวลาถูกปลุก ขึ้นมาสวดในตอนเช้า ทุกวัน  และ หันมาจับปากกาชนะความเกียจคร้าน เขียนแบ่งปันประสบ การณ์การสัมผัสความรัก  และพระเมตตาของพระเจ้าที่ได้รับมากมาย  เพียงเพื่ออยากจะบอกกับ ทุกคน  อยากประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า  “ พระเจ้ารักทุกคนมากแค่ไหน  และจะมีความสุขมาก แค่ไหน  เมื่ออยู่ในความรักและพระเมตตาของพระองค์

                      ความรักของมนุษย์นั้น   นับวันมีแต่จะน้อยลง เพราะ เห็นตัวตนที่ไม่น่ารักของกัน  และกันมาขึ้นทุกวัน
                      แต่ถ้าได้เรียนรู้   และรู้จักความรักของพระเจ้าแล้ว   นับวันมีแต่มากขึ้น ๆ แล้ว จะได้รู้ จัก  กับคำว่า  “ สุขจนล้นใจ “

                      อยากให้คนทั้งโลก   รักพระเจ้ามากกว่าที่ตัวน้อยรัก   เมื่อรักพระเจ้าแล้ว ก็จะรักผู้
 อื่น ปฏิบัติต่อผู้อื่น  เหมือนเป็นคนที่รัก   เราจะอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา  อยากทำให้เขา มีความสุข   อยากทำให้เขามีแต่รอยยิ้ม   และเสียงหัวเราะ   และอื่นๆ อีกมากมายดี ๆ ที่อยากทำให้
ใช่มั๊ยคะ

                        “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของท่านสุดจิตสุดใจ  สุดวิญญาณ สุดกำลัง
และสุดสติปัญญาของท่าน  ท่านต้องรักเพื่อมนุษย์เหมือนรักตนเอง”  ลูกา 10:27

                     ถ้าโลกนี้   เต็มไปด้วยความรักซึ่งกันและกัน   โลกนี้คงกลับเป็นสรวงสวรรค์เหมือน เมื่อครั้งปฐมกาลที่พระเจ้าทรงสร้างโลกมา...จริงมั๊ยคะ
                                             Good night and God bless you, ka.

                                                             ลูกแกะตัวน้อย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น