วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องที่ 149. บวชแรมวาร

149. สวัสดีคะ  ผู้อ่านที่รัก
                ตัวน้อยทำงานทัวร์เป็นวันที่สี่  ตาจะปิดตั้งแต่หกโมงเย็น  แต่มีอะไรหลายอย่างต้องทำ  ตอนนี้สองทุ่มกว่า  สมองหลับไปเจ็ดสิบเปอร์เซนต์แล้ว  ขอทักทายสั้น ๆ นะคะ 
ลูกทัวร์ทัวร์นี้น่ารักมาก ๆ น่ารักทุกคน  และ มีคนพิเศษสุด..สุด.. เป็นหนุ่มเท่...น่ารัก.. อารมณ์ดี...ใส..ซื่อ... ใส่แว่นดำตลอด  เพราะโลกของเขาดำเหมือนแว่นตา  แต่จิตใจของเขาแจ่มใส  ได้รับการโอบอุ้ม  ดูแล  จากพ่อแม่ ลุงป้า และคุณน้า  
ไม่ต่างจากชีวิตเรา  ที่ดำเนินชีวิตไปโดยไม่รู้อนาคต   เราทุกคนก็ไม่ต่างไปจากคนตาบอด  ที่ไม่รู้ว่า ข้างหน้าเราจะพบกับอะไร  เหวลึก  ลุมพราง ทุกหญ้า  สวนดอกไม้  และ  ขุมทรัพย์    อยู่ตรงไหน  ขอบคุณพระเจ้าที่มีพระองค์ในชีวิต
ขอขอบคุณทุกเมลดี ๆ ที่กรุณาส่งมาให้  ขอพระเจ้าตอบแทนทุกน้ำใจดีร้อยเท่าพันทวี ทั้งในโลกนี้  และในสวรรค์  อาแมน.
ขอให้พระเยซูคริสตเจ้าสถิตกับท่านเพื่อป้องกัน  อยู่ในตัวท่านเพื่อคุ้มครอง  อยู่ข้างหน้าท่านเพื่อนำทาง  อยู่ข้างหลังท่าน  เพื่อเฝ้าพิทักษ์  อยู่เหนือท่านเพื่อประทานพระพร  เดชะพระนามพระบิดา  และพระบุตร  และพระจิต.....อาแมน.  
เอาหล่ะคะ  ตอนนี้  เชิญอ่าน
เรื่องที่ 149. บวชแรมวาร
“จงดูผู้รับใช้ของเรา  ผู้ซึ่งเราเชิดชู  ผู้เลือกสรรของเรา  ผู้ซึ่งเราปิติยินดี”  อิสยาห์ 42:1
                ในช่วงวันที่ 8-13 สค. 56  ตัวน้อยได้มีโอกาสไปเข้าร่วม กิจกรรม  บวชแรมวาร  ของคณะอูร์สูลิน  ซึ่งตัวน้อยได้รับเมลประชาสัมพันธ์มา  ตัวน้อยไม่ทราบว่า  การบวชแรมวาร  คืออะไร เป็นอย่างไร  คณะอูร์สูลิน....  เคยได้ยินชื่อคณะนี้  ตอนไปเรียนอบรมครูคำสอนภาคฤดูร้อน ของศูนย์อบรมคริสตศาสนธรรมแห่งชาติ  เพราะมีรุ่นพี่ปีสาม เป็นซีสเตอร์จากคณะนี้   เพราะเท่าที่เห็นจากไกล ๆ ซีสเตอร์ดูน่ารัก ... สดใส... มีชีวิตชีวา  เป็นมิตร  และเป็นคนมีความสามารถ  น่าชื่นชม  ตัวน้อยจึงอยากรู้จัก....เป็นพิเศษ 
                ห้าวัน ที่ได้ไปใช้เวลากับพระเจ้า  เรียนรู้จัก การบวชแรมวาร  และคณะอูร์สูลิน  ตัวน้อยขอแบ่งความรู้  และความประทับใจ ที่ได้รับจากคุณพ่อ ซีสเตอร์ และพี่ ๆ เพื่อนสมาชิกทั้งสิบคน (ตัวน้อยอายุน้อยที่สุด เลยไม่มีน้องเลย  เสียดายจัง.....)
                กิจกรรม คือ  ในวันที่หนึ่ง  เมื่อเดินทางถึงที่พัก  ที่ดอยสุเทพ จ. เชียงใหม่  เริ่มกิจกรรมโดย  ซีสเตอร์ให้เราเขียนถึงสิ่งที่เราอยากเขียน และเป็นความคาดหวังของการมาร่วมกิจกรรมนี้  และให้เราอ่านทีละคน  หน้าพระแท่นบูชาในวัดน้อย  เป็นเหมือน การปฏิญาณตน ต่อพระเจ้า และซีสเตอร์ ได้มอบหนังสือ  “ยังคงอยู่...ท่ามกลางเรา....การทบทวนชีวิตจิตของนักบุญอัญจลา เมริชี”  ผู้ก่อตั้งคณะ  เพื่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต  และจี้กางเขนแห่งพระจิตเจ้า  เพื่อทรงนำเราตลอดการร่วมกิจกรรมนี้  และตลอดไป
                กิจวัตรประจำวัน คือ ตื่นตีห้ากว่า  หกโมงเช้าเริ่มทำวัตร และมิสซา เจ็ดโมงครึ่ง รับประทานอาหารเช้า แปดโมงครึ่งทำงานบ้าน  เก้าโมงครึ่งคุณพ่อแบ่งปัน  สิบโมงครึ่ง พัก รับประทานของว่าง สิบเอ็ดโมง ซีสเตอร์แบ่งปัน  เที่ยงรับประทานอาหารกลางวัน  บ่ายสองโมง ร่วมกันศึกษา ชีวิตจิตของนักบุญอัญจลา เมริชี จากหนังสือ “ยังคงอยู่... ท่ามกลางเรา”  สี่โมงครึ่ง พัก รำพึง  ตามอัธยาศัย  ห้าโมงครึ่งทำวัตรเย็น  หกโมงรับประทานอาหารเย็น  หนึ่งทุ่ม ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์ในแต่ละวัน  สามทุ่มสวดทำวัตรค่ำ  พักผ่อน นอนหลับสนิทดี  ในพระพรของพระที่รักเราที่สุด...
                สิ่งที่เหลือในใจ  จากการแบ่งปันของคุณพ่อ  คือ
                เราต้องย้อนกลับไปสู่การเป็นตัวตนจริง ๆ ของเรา  ซึ่งก็คือเรามาจากพระเจ้า  เราต้องกลับไปหาพระเจ้า  เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็ต้องมีชีวิตในพระเจ้า  แบบพระเจ้า  แบบไหนอะ ?????...... 
พระเจ้าเป็นองค์ความรัก  พระเจ้าเป็นองค์ความจริง  พระเจ้าเป็นความดีบริบูรณ์  .....  คิดถึงเพลง  ขอหัวใจที่เหมือนพระทัยพระองค์.......อู้...แล้วจะทำได้อย่างไรนี่.....
ตัวน้อยเหงื่อตก  หูตก  หางตก เริ่มต้นจากความคิด...  ตั้งใจ  ... ทำเท่าที่ทำได้ก่อน  แล้วภาวนา  ภาวนา  และภาวนา  ขอพระเจ้าทรงสร้างลูกขึ้นมาใหม่  ยอมให้พระองค์ปั้นตามน้ำพระทัย  แล้วพระองค์จะบันดาลให้สำเร็จไป  ตามแผนการณ์ของพระองค์ ......   พระเจ้าข้า  ลูกวางใจในพระองค์
ประโยคที่ติดใจ  คือ “เหนือความเป็นจริง ที่เป็นได้...”  อย่างเช่น ให้เราใช้ชีวิตเหมือนปลา...ปลา ที่ว่ายทวนน้ำอยู่เสมอ  จึงมีชีวิต  คุณพ่อใช้คำว่า  “ทำไมเราไม่เปลี่ยนจากปลา  เป็นแมลงปอเพื่อจะอยู่เหนือน้ำ...  เหนือ...กระแสโลก”  เหมือนพระเยซูทรงสอนให้เรา  อยู่เหนือกระแสสังคม เหนือโลก ที่มีปีศาจเป็นจ้าวโลกอยู่  เพื่อให้พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึง พระเยซูทรงสอน “จงรักศัตรู  และภาวนาให้ผู้เบียดเบียนท่าน  ...  หากเขาตบแก้มขวา จงยื่นแก้มซ้ายให้เขาด้วย   จงรักกันเหมือนพี่น้อง  จงรักกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ.....”  สิ่งเหล่านี้  ที่คนธรรมดาไม่ทำ ทำไม่ได้  แต่เราคริสตชน ศิษย์ของ พระคริสต์  ลูกพระเจ้า ต้องทำ... ทำให้เหมือนพระเจ้าทรงทำ  เหมือนไม่ง่าย  แต่ก็ไม่ยากเกินจะทำ  ใช่ไหมคะ....  พยายามทำกันดูนะคะ  พระเจ้าคงดีพระทัย  ลูกพระองค์น่ารัก...
ประโยคที่คาใจ  ความรัก คือ การตกตะกอนของการตกหลุมรัก.......
ตัวน้อยได้ฟัง ... รู้สึกมันดี.... แต่มันงง ๆ เหมือนจะเข้าใจ  แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ  คิดถึง น้ำ  อย่างแม่น้ำเจ้าพระยา  ที่มีสีน้ำตาลแดง จากการละลายปะปนของดิน  เมื่อตักน้ำขึ้นมาทิ้งไว้ ระยะเวลาหนึ่ง ดินจะตกตะกอนนอนก้น    แล้วมันเกี่ยวอย่างไร กับความรัก...???
เมื่อตัวน้อยเขียนการทักทายในสองเรื่องก่อน ( 147 กางเขน)  ทำให้ตัวน้อยได้กลับไปอ่านบทนำที่ตัวเองเขียนไว้  เมื่อสองปีที่แล้ว  เมื่อพระเจ้าทรงทำให้ตัวน้อยได้รู้ว่า  ถูกพระเจ้ารัก ได้รับรู้ว่าพระองค์รักมากแค่ไหน  พระองค์ทรงทำอะไรมากมาย  และพระองค์ทรงทำให้ตัวน้อยตกหลุมรักพระองค์ ได้สำเร็จ   คิ...คิ..คิ...  พระเจ้าน่ารักจริง ๆ คะ...
 อารมณ์รักที่เขียนในช่วงแรก ๆ “ขอรักพระองค์  มากกว่าที่พระองค์ทรงรัก ปรารถนาเพียงทำให้พระองค์ยิ้มได้  และปรารถนาเพียงทำให้พระองค์มีความสุข  ชีวิตจากนี้  ลูกเป็นของพระองค์  เป็นของพระองค์ตลอดนิรันดร์”  อะไรประมาณนี้  มันมากกว่าคำว่ารัก ....
สองปีผ่านไป   ความรัก... กลายเป็นสภาวะรักที่เริ่มนิ่ง ความร้อนรน  ลุกร้อน  มันเริ่มน้อยลง ๆ เหมือนแฟน  เหมือนคู่แต่งงาน  ที่อยู่ในกันมานาน  ความหวาน ความสดชื่น  กลายเป็นความเฉยชิน  เพราะเป็นสัจธรรม  ทุกอย่างมีเกิด  ก็มีดับ   ความรักก็มีวันจืดจาง   เพื่อให้สามารถรักพระเจ้าได้ต่อไป  ตัวน้อยมักจะสวดภาวนา ว่า  “ขอพระองค์โปรดหมั่นเติมความรัก  เพื่อให้ลูกสามารถรักพระองค์ต่อไปได้  ด้วยความซื่อสัตย์  และมั่นคงตลอดไป  อาแมน”  
เมื่อได้ยินคุณพ่อแบ่งปันว่า  ความรัก คือ การตกตะกอนของการตกหลุมรัก.......  ตัวน้อยจึงขอภาวนาว่า  “พระเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงทำให้ลูกตกหลุมรักพระองค์ทุกวัน  เพื่อความรักของลูกจะได้เต็มเปี่ยม  ล้นจนลุกร้อน และร้อนรน  ที่จะนำความรักของพระองค์ไปสู่ผู้อื่น  อาแมน.”  
สำหรับตัวน้อย  ในแต่ละวันมีเรื่องที่ดี ๆ และไม่ดีผ่านเข้ามาเสมอ  ไม่ว่าอย่างไร  ก็ต้องขอบพระคุณพระองค์ในทุกกรณี  โดยเฉพาะเรื่องดี ๆ เป็นความน่ารักของพระองค์  ที่เป็นของขวัญ  มาเป็นเติมรักในหัวใจ  รักพระองค์  พระเจ้าข้า....  จุ๊บ...จุ๊บ...
สิ่งหนึ่งที่ประทับใจ  คือการได้อ่าน  หนังสือ “ยังคงอยู่ ... ท่ามกลางเรา  การทบทวนชีวิตจิตของนักบุญอัญจลา  เมริชี”  ตัวน้อยขอแบ่งปันพอสังเขปดังนี้
นักบุญอัญจลา เมริชี เกิดที่ ประเทศอิตาลี ประมาณปี 1470 รือ 1474  ชีวิตแห่งพระหรรษทานของท่าน  เริ่มต้นเมื่อราวอายุสี่สิบหกปี   โดยได้เข้าเป็นสมาชิกชั้นที่ สาม ของคณะฟรังซีสกัน  และทำให้ท่านได้เริ่มภารกิจรับใช้ช่วยเหลือสังคมอย่างเปิดเผยจริงจัง
 ชีวิตภายในที่มีจิตสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยการเพ่งพิศภาวนา จากการที่ตระหนักรู้ถึง  เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรัก  รัก แม้เป็นคนบาป  ทำให้ชีวิตท่านได้เปลี่ยนไป ยอมสลายตัวตน ยอมสละน้ำใจตน ด้วยหัวใจที่รักให้ได้เหมือนที่พระเจ้าทรงรัก สตรีฆราวาสธรรมดา... ที่กล้าหาญ  และ ยอมให้พระจิตนำชีวิต  ด้วยนิมิตที่ท่านได้รับหลังจากการมรณกรรมของพี่สาว  และการเฝ้าภาวนา ณ เชิงกางเขนทำให้ท่านได้ทราบถึงพันธิกจที่จะต้องก่อตั้งคณะฆราวาสสตรีผู้อุทิศตน 
มรดกล้ำค่าแห่งวิถีชีวิตที่ท่านได้มอบไว้ให้คือ  ท่านสอนให้เราเป็นเหมือน  piazza   ซึ่งแปลว่า  สวนสาธารณะ  คือ  ความมีน้ำใจกว้าง  ต้อนรับ  ยินดีเป็นที่พักพิงให้คลายทุกข์  และพร้อมจากกันอย่างเป็นสุขทั้งสองฝ่าย รวมถึงการกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน  ด้วย  การ  ให้มีใจดี   ใจเมตตากรุณา   และไว้ใจมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้า  ด้วยหัวใจ และจิตวิญญาณที่  ใส...บริสุทธิ์..  ซื่อ ตรง... จริงใจ  และจริงจัง ปราศจากอัตตาแห่งตน
ความน่ารักเป็นพิเศษของท่าน  คือท่านสัญญาหลายครั้งว่าจะอยู่กับเราตลอดไป  ท่านเคยพูดว่า  เมื่อท่านไปอยู่ในสวรรค์แล้ว  จะสามารถช่วยเราได้มากขึ้น  และจะต้องปรารถนาช่วยเหลือเรามากกว่า ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เสียอีก  และ  “กฏวินัยเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้  ข้าพเจ้าฝากให้ท่านนำไปประพฤติปฏิบัติ  แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยไป  และพวกท่านเห็นพ้องต้องกันว่า  น่าจะมีการปรับเปลี่ยนกฏวินัยบางประการ  ก็ขอให้ดำเนิการเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม”  ท่านช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกล  ใจกว้าง ให้อสิระ  ไว้ใจ  และเข้าใจความเปลี่ยนไปของโลกจริง ๆ
ในส่วนของสมาชิกทั้งสิบคน  ทุกคนต่างเป็นคนศรัทธา  น่ารัก  มีน้ำใจดีมาก ๆ   บ้างมาแสวงหาบางอย่าง  บ้างมาเพิ่มพูน ฟื้นฟูความรัก  และความเชื่อในพระเจ้า  บ้างต้องการเรียนรู้ และใช้เวลากับพระเจ้า และสัมผัสชีวิตนักบวช  แต่ละคนสัมผัสพระเจ้าในแบบของแต่ละคน  เพราะพระเจ้าทรงรักเรา  และดูแลเราแต่ละคนอย่างที่เราเป็น  เพราะพระองค์รู้จักเราตั้งแต่ก่อนเกิดในครรภ์มารดาเสียอีก
สำหรับตัวน้อย ด้วยพระเมตตาที่ได้รับพระพรพิเศษ เป็นสัญญาณแห่งการประทับอยู่ ทำให้ตัวน้อยตระหนักรู้  ว่าพระเจ้าอยู่กับตัวน้อย  อยู่ในใจตัวน้อย  อยู่ในใจเราทุกคน   ตัวน้อยจึงสัมผัสพระเจ้าได้ในทุกสิ่ง  ขอบพระคุณพระเจ้าได้..ในทุกกรณี สรรเสริญพระเจ้าได้...ทุกวันเวลา   เพราะคิดถึงพระวาจาที่ว่า  “ไปอยู่กับเราในที่สงัด สักครู่หนึ่งเทอญ”    ทำให้ตัวน้อยปรารถนาที่จะใช้เวลากับพระเจ้า  และอยากรู้จักคณะอูร์สูลิน  ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ตัวน้อยผิดหวังเลย  สิ่งที่แสวงหา ก็ได้พบ  หากจะอุทิศตนทั้งครบ  คณะนี้ใช่ไหม  .. น้ำพระทัยพระองค์  พระเจ้าข้า.... 
ตัวน้อยยังต้องแสวงหาน้ำใจตน ในพระประสงค์ของพระเจ้าอีกสักหน่อย  และชีวิตตัวน้อยจะเลือกทางใด  กรุณาติดตามกันต่อไปนะคะ  สวดภาวนาให้ตัวน้อยด้วย  เราสวดให้กันและกันนะคะ
ในวันสุดท้าย  หลังทำวัตรเช้า  ซีสเตอร์ได้มอบซองใส่คำปฏิญาณของเรา  และจี้นักบุญอัญจลา  เพื่อให้เราไม่ลืมคำปฏิญาณของตัวเอง  และอย่าลืมที่จะเลียนแบบนักบุญอัญจลาในชีวิต  รวมถึงหนังสือสวดทำวัตร  ตัวน้อยได้รับเป็นเล่มที่สองแล้ว ไม่สวดคงไม่ได้แล้ว....  ตัวน้อยชอบบทภาวนา  ที่ได้ใจ...กินใจมากมาย  และแทนใจได้อย่างดีเยี่ยม  หมั่นสวดทำวัตรกันนะคะ...
 มีใจ...ที่ใจดี  และมีใจ....ที่เมตตา เปิดกว้าง ต้อนรับ และกลมกลืนกับทุกคน  ด้วยหัวใจ  และจิตวิญญาณ ที่ ใส...ตรง...จริง    มั่นคง  วางใจในพระเจ้า  และรับใช้เพื่อมนุษย์ แต่ละคนในแบบที่เขาเป็น  ใส่ใจ  และจารึกเขาไว้ในหัวใจ  ด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า... 
ขอโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าสุดจิตสุดใจ  และขอขอบพระคุณ ทุก ๆ คนที่ทำให้ กิจกรรมการบวชแรมวารนี้ เกิดขึ้น  และดำเนินไปได้อย่างดีเยี่ยม  ขอขอบพระคุณคุณพ่อ  ที่อยู่กับเรา แบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเรามากมาย และให้เวลากับเราเสมอ คุณพ่อประกอบพิธีมิสซาได้อย่างศักดิ์สิทธิ์  จนมีพี่คนหนึ่งเอ่ยปากว่า  “รู้สึก  เหมือนเป็นพระเยซูเองที่ทรงประกอบพิธีมิสซานี้”  ขอขอบพระคุณซีสเตอร์ทุกท่าน  แม้เจ็บป่วยทางกาย แต่หัวใจรักของท่านยิ่งใหญ่  เข้มแข็ง อุทิศตน  น่ารัก  น่าชื่นชม และ เป็นแบบอย่างที่ดียิ่งนัก ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี  ด้วยความรักและพระเมตตาแห่งพระเจ้าที่ทรงประทานพระหรรษทานดูแลลูก ๆ ของพระองค์อย่างดีที่สุด  ขอขอบพระคุณพี่  ๆ ตลอดจน เจ้าหน้าที่ทุกท่าน  ขอพระเจ้าทรงประทับอยู่  และประทานพระพรอันอุดม เสมอไป  มีพระเจ้าเท่ากับมีทุกสิ่ง  อาแมน.
แล้วเราก็จากลากันด้วยความอาลัย  แม้ตัวไกล  แต่ใจจะคิดถึงในคำภาวนา
สุดท้าย  ตัวน้อยขอแบ่งปัน  ข้อความดี ๆ จากหนังสือ  “ยังคงอยู่...ท่ามกลางเรา....การทบทวนชีวิตจิตของนักบุญอัญจลา เมริชี”     นะคะ
ความรักที่แท้จริงย่อมสัมผัสได้จากการใส่ใจ...จดจ่อในแบบที่เขาเป็น  และจารึกเขาแต่ละคนนั้นไว้ได้ในส่วนลึกของจิตใจเรา  หน้า 18
สำหรับอัญจลา  พระเจ้าองค์นี้  คือผู้ที่รู้จักฉันจริง ๆ ทรงรู้ว่าฉันมีขอบเขตจำกัด  อ่อนแอ  บกพร่อง แต่ก็ยังทรงรักฉันอย่างที่ฉันเป็น ณ ปัจจุปันขณะ  คอยติดตามเฝ้าพิทักษ์รักษาทะนุถนอมกล่อมเกลา ตลอดวันเวลาในชีวิตฉัน  หน้า 31
สมบัติทั้งหมดของตนอยู่ในพระเจ้าเท่านั้น  ปราศจากพระองค์  ตนเองก็เป็นแต่ความเปล่า  มีพระเจ้าก็เท่ากับมีทุกสิ่ง หน้า 57
กลุ่มสตรีแห่งนักบุญอูร์สูลิน  มีต้นกำเนิดมาจากเชิงกางเขนของพระเยซูคริสต์  หน้า63
“ขอให้ที่พึ่งแห่งแรกของท่านอยู่ ณ แทบพระยุคลบาทพระเยซูคริสตเจ้าที่เชิงกางเขนเสมอ”  ทุกครั้งเมื่อเราเผชิญกับความยากลำบาก  ความสูญเสีย  และความเจ็บปวดรวดร้าว  อัญจลาเชิญชวนให้เราเข้าหาพระเยซูเจ้า  ณ เชิงการเขน  เพื่อจะได้เรียนรู้จากพระองค์ พร้อมกับสัมผัสการปลอบประโลมอันลึกซึ้ง  หน้า 64
รักแต่ละคนตามความแตกต่างนั้น ๆ และจารึกเขาไว้ในจิตใจ หน้า 89
ฉันคือคนบาปที่พระเจ้าทรงรัก  หน้า  90
พระเยซูเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า  จะไม่ทิ้งเราให้เป็นลูกกำพร้า  และ อัญจลาเอง  ก็ให้สัญญาว่า จะยังคงอยู่ท่ามกลางเราด้วยเช่นกัน หน้า 100
อาแมน.
ลูกแกะตัวน้อย.
 29.08.2556   เขียนเสร็จ
10. 09. 2556  เขียนเพิ่ม  และส่งเมล 
พบกันใหม่   วันอังคาร  กับ เรื่องที่ 150: สมบัติล้ำค่า
ขอเชิญตามอ่าน...  “ความรักของพระเจ้ากับลูกแกะตัวน้อย”  เรื่องที่ส่งไปแล้วใน

http://loveofgodwithlittlelamb.blogspot.com  หรือ  เข้า GOOLE --à CATHOLIC BY MY STORY                   เรื่องที่....  ก็จะได้อ่านเรื่องของตัวน้อยเช่นกันคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น