148. สวัสดีคะ ผู้อ่านที่รัก
วันนี้(อ.
03
กย. 56) ตัวน้อยได้หยุด
ความคิดแรกที่อยากทำ คือไปเรียนคำสอนกับคุณพ่อที่วัดไกลบ้าน ไกลมากทีเดียว ....ได้ยินคำเล่าขานบ่อย ๆ
ว่าคุณพ่อเทศน์ แบ่งปัน สนุก ตัวน้อยจึงอยากไปฟังบ้าง
ขอบคุณพระเจ้าที่ดลใจให้ตัวน้อยโทรไปชวนพี่ที่น่ารักศรัทธาคนหนึ่ง
เพื่อนในกลุ่มฆราวาสผู้ประกาศข่าวดี
ทำให้ได้ทราบว่าคุณพ่องดสอน ไม่เช่นนั้นคงไปเก้อ ...
ตัวน้อย
จึงอยู่บ้านตามใจแม่ เพราะแม่ชอบให้ลูกอยู่บ้าน
มากกว่า ออกไปไหน ๆ ทำให้แม่มีความสุขมาก ๆ
ก็เป็นความดีได้ใช่ไหมคะ ระหว่างรอคุณพ่อตรวจเรื่อง ระหว่างวัน ตัวน้อยเขียนได้อีกสามเรื่อง ไม่ค่อยยาว เท่าไหร่ สงสารผู้อ่านที่รักของตัวน้อย กรุณารออ่านนะคะ เป็นเรื่องสนุก ๆ น่ารัก ๆ คะ
ขอขอบคุณทุกเมลดี
ๆ ที่กรุณาส่งมาให้
ขอพระเจ้าตอบแทนทุกน้ำใจดีร้อยเท่าพันทวี ทั้งในโลกนี้ และในสวรรค์
อาแมน.
พระวาจาของเรา เป็นของขวัญอันประเสริฐ จงเห็นคุณค่าในของขวัญนี้เถิด จงละทิ้งตนเอง แล้วลูกจะเริ่มเห็นค่าในพระพร อันงดงามมากมายที่เราได้ให้แก่ลูก จงเห็นคุณค่าในพระพรของเรา และลูกจะรักพระพรเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้ลูกเต็มเปี่ยมด้วยความรัก
และลูกจะเผยแพร่ความรักนั้นไปทั่วโลก
ถูกแล้ว ลูกจะเผยแพร่ความรักนี้ไปทั่วโลก (ข้อความจากหนังสือ พระวาจาของพระเจ้า หน้า 29)
|
ขอให้พระประสงค์จงสำเร็จไป ในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์ อาแมน.
ปล.
ขอร่วมช่วยประชาสัมพันธ์ ความว่า
สำนักเลขาธิการขอส่งจดหมายของรองเลขาธิการสภาฯ เกี่ยวกับเรื่องที่สมเด็จพระสันตะปาปา
ขอให้พระศาสนจักรทั่วโลก ได้ร่วมกันภาวนาและถือศีลอดอาหารเพื่อสันติภาพในประเทศซีเรีย... |
ช่วยกันสวดภาวนา
และถือศีลอดอาหารเพื่อสันติภาพในประเทศซีเรีย กันนะคะ
เอาหล่ะคะ ตอนนี้
เชิญอ่าน
เรื่องที่ 148: เรื่องผี ๆ
“สำหรับทุกคนที่เชื่อในพระองค์ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตมิได้ถูกทำลาย แต่ถูกเปลี่ยนแปลงไป และเมื่อการพำนักอยู่บนแผ่นดินของเขาสิ้นสุดลง เขาก็มีเคหสถานนิรันดรอยู่แล้วในสรวงสวรรค์” (มิสซาโรมัน Preface of Christian Death I)
|
ในทุกทัวร์ที่ตัวน้อยทำงาน จะต้องมีวันที่พาลูกทัวร์ไปกาญจนบุรี ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณสามชั่วโมงกว่า ทำให้มีเวลามากมายที่ต้องพูดคุย อธิบาย เรื่องต่าง
ๆ
ตัวน้อยอธิบายประวัติศาสตร์ถึงสงครามโลกครั้งที่สองไม่มาก เพราะเรื่องมันเศร้า เดี๋ยวจะพาลเที่ยวไม่สนุกกัน ตัวน้อยเคยทำลูกทัวร์ตาฉ่ำไปด้วยน้ำตากันทั้งบัสมาครั้งหนึ่ง เลยเข็ดแล้วคะ
ตัวน้อยก็คิด...คิด...คิด... จะประกาศข่าวดีถึงพระเจ้าอย่างไรดี เพราะคนญิ่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่เชื่อในพระเจ้า วิญญาณ และชีวิตหลังความตาย
แต่เชื่อในความสามารถของตัวเองมากกว่า
ตัวน้อยคิดถึงปรัชญาของจีน เรื่องหยินกับหยาง ในความหมายที่ว่า ทุกสิ่งถูกสร้างมาเป็นคู่
เช่น มีชายก็มีหญิง มีขาวก็มีดำ มีน้ำก็มีไฟ มีร้อนก็มีหนาว มีความดี
ก็มีความชั่ว มีนรก ก็มีสวรรค์ มีฉันก็ต้องมีเธอ ....
มีคนเขียน ก็ต้องมีคนอ่าน.....
ขอบคุณนะคะ ที่กรุณาอ่าน ฯลฯ อีกมากมาย
ดังนั้น เมื่อเรื่องพระนั้น... พูดให้เปิดใจยาก ลองพูดเรื่องผีก็แล้วกัน เพราะมีผีก็ต้องมีพระ และพระชนะผี
แน่นอน..... คิดถึงเพลง ที่ร้องตอนอยู่ในวัดพระจิตว่า “พระเยซูชนะ....
พระเยซูชนะ...พระเยซูชนะพญามาร....พระเยซูชนะ....
พระเยซูชนะ...พระเยซูชนะพญามาร....พระเยซูชนะ....
พระเยซูชนะ...พระเยซูชนะพญามาร....” อาแมน.
เมื่อตัวน้อยอธิบายถึงกำหนดการการท่องเที่ยว ซึ่งเราจะไป นั่งรถไฟ ชมสะพานแม่น้ำแคว
และอนุสาวรีย์ที่ทหารญี่ปุ่นสร้างให้ผู้เสียชีวิตในการสร้างทางรถไฟสายมรณะ
เพื่อการเดินทาง ขนสัมภาระระหว่างไทยกับพม่า
สุสานพันธมิตร และตัวน้อยจะถามต่อ “แล้วสุสานทหารญี่ปุ่นหล่ะคะ อยู่ที่ไหน” ลูกทัวร์จะตอบไม่ได้ ตัวน้อยจะอธิบายว่า “เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองจบลง อีกราวสามสิบห้าปีต่อมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ส่งเจ้าหน้าที่มา ขุดหลุมฝั่งศพทหารญี่ปุ่น นำกระดูกกลับไป ...
แต่วิญญาณทหารญี่ปุ่นยังอยู่นะคะ....”
ลูกทัวร์จะทำหน้าไม่เชื่อ จริงเหรอ....ตัวน้อยจะคุยต่อว่า
“เชื่อเรื่องผี เรื่องวิญญาณกันไหมคะ” ลูกทัวร์ตัวน้อยไม่มีใครตอบรับเลย...
ตัวน้อยจึงพูดต่อว่า “เรื่องแบบนี้ ไม่มีประสบการณ์คงไม่เชื่อ ดิฉันมีนะคะ ประสบการณ์ กับตัวเอง กับพ่อ และทหารญี่ปุ่น .... อยากฟังไหมคะ”
ลูกทัวร์ทำหน้าอยากฟัง ๆ ตัวน้อยจึงถาม “อยากฟังเรื่องไหนก่อนคะ” อย่างเช่นลูกทัวร์ล่าสุด บอกว่า “ อยากฟังเรื่องของไกด์” เข้าทาง
ได้เลย...จัดให้ คิ... คิ...คิ....
ตัวน้อยเล่าว่า “
เพื่อนมหาวิทยาลัยที่สนิทในกลุ่มดิฉันมีห้าคน
คนหนึ่งแต่งงานก่อน เพื่อนเขย(หมายถึงสามีเพื่อน)
เป็นคนน่ารัก เวลาที่ดิฉันมีปัญหา
ดิฉันจะปรึกษาเพื่อนเขยคนนี้บ่อย ๆ ทำให้สนิทกัน
และแล้ววันหนึ่ง ขณะที่เพื่อน
และเพื่อนเขย เดินทางไปต่างจังหวัด ยางรถยนต์เกิดระเบิด รถเสียหลักตกถนน ชนต้นไม้ใหญ่
เพื่อนเขยคอหักเสียชีวิตทันที เพื่อนดิฉันไหล่หัก
เห็นไหมคะ เพื่อนเขยดิฉันน่ารัก และรักเพื่อนดิฉันมากเพียรไร เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อเกิดอันตราย สัญชาติญาณแห่งการเอาตัวรอด จะเอาข้างซ้ายฝั่งคนนั่งเข้าชน แต่เพื่อนเขยดิฉัน เป็นคนขับ
และเอาด้านตัวเองเข้าชน....จนตาย
ก็เพื่อดูแล ปกป้อง เธออันเป็นที่รัก.... จนวินาทีสุดท้ายของชีวิต (ซึ้งรักของเพื่อนเขยจังคะ เหมือนพระเยซูเจ้าเลย....)
ในงานศพวันแรก ดิฉันไปรดน้ำศพ ขอขมา
และในคืนวันที่สาม ซึ่งตามความเชื่อของคนไทย จะเชื่อว่า คนที่เสียชีวิตจะรู้ตัว ว่าตายแล้ว
หรือกลับคืนชีพ และในคืนวันที่สาม ดิฉันได้ไปร่วมสวดศพอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อไปจุดธูปไหว้ร่างไร้ชีวิตของเพื่อนเขยที่น่ารัก ดิฉันคุยในใจว่า “เธอ....เธอ
ไม่รักเราเลยนะ ทำไมไม่เห็นมาหาเราเลย
ไม่รักกันจริงนี่นา...” ไม่รักกันจริงนี่นา..........?????
หลังจากสวดศพเสร็จ ดิฉันแวะไปคุยกับเพื่อน กว่าจะกลับบ้านตีสอง รู้สึกหิว จึงต้มน้ำ
ทำบะหมี่สำเร็จรูปรับประทาน
แล้วดิฉันก็ได้ยิน เสียงสุนัขหอน สุนัขจะมีประสาทสัมผัสการได้ยิน
หรือได้เห็นดีกว่ามนุษย์
และตามความเชื่อของคนไทย
อย่างในหนัง หรือละคร
เวลาสุนัขเห็นผีจะร้อง...แบบยาว ๆ โหยหวน
ชวนขนลุกเป็นพิเศษ
ดิฉันอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิดไม่เคยได้ยิน เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก คิดในใจ “ เอาแล้ว เพื่อนฉัน... เพื่อนฉันแน่เลย” เสียงสุนัขหอนเริ่มจากได้ยินไกล ๆ
กลายมาเป็นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ๆ ๆ ดิฉันเริ่มกลัว
คิดในใจ “ถ้ามาไม่หล่อ
ขอไม่เห็นก็ได้นะ...” เสียงสุนัขหอนยังดังเข้ามาใกล้เรื่อย
ๆ ดิฉันกลัวมากขึ้น และมากขึ้น ดิฉันคิดในใจ
“เรารู้แล้วว่าเธอรักเรา
ขอบคุณมากที่มา กลับไปเถอะนะ......” แล้วเสียงสุนัขหอนก็ค่อยดังห่างออกไป ๆ ๆ
และหายไปในที่สุด......
เหลือเชื่อนะคะ สิ่งที่ไม่เห็น ใช่ว่าไม่มีนี่ใช่ไหมคะ อย่างเช่นเชื้อโรค มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
แต่นักวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่ามีอยู่จริง และทำให้เราป่วยได้จริง ๆ”
ต่อไป เรื่องวิญญาณทหารญี่ปุ่นนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งดิฉันได้พบเพื่อนไกด์คนหนึ่งที่ร้านอาหาร และได้คุยกัน
เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เมื่อตอนที่ทำงานทัวร์ที่ภูเก็ต
มีอยู่วันหนึ่งได้ไปทำงานล่ามภาษาญี่ปุ่น
คนที่ต้องไปเป็นล่ามแปลให้นั้น เป็นเด็กผู้หญิงอายุราวสิบสองปี ซึ่งเป็นเด็กคนไทย ปกติทุกวัน
พูดภาษาไทย แต่วันนี้พูดภาษาอะไรก็ไม่ทราบ ถามเพื่อนบ้าน มีคนบอกว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น จึงได้ว่าจ้างล่ามมาแปลสื่อภาษาให้ ซึ่งก็คือเพื่อนดิฉัน และมีเจ้านายไปเป็นเพื่อนอีกคน มีการตั้งคำถาม สัมภาษณ์กัน ประมาณว่า คุณเป็นใคร ชื่ออะไร ต้องการอะไร รวมความได้ว่า “เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเป็นทหารญี่ปุ่น มาประเทศไทย
และได้รักกับหญิงไทยคนหนึ่ง
แต่เพราะสงคราม ทำให้ทั้งสองเสียชีวิต
และก่อนตายได้สัญญากันว่า
ถ้าได้เกิดใหม่ จะมาใช้ชีวิตร่วมกัน
ตามความเชื่อของพุทธศาสนา
แต่ฝ่ายหญิงกลับมาเกิดก่อน
วิญญาณทหารญี่ปุ่นจึงอยากพาหญิงสาวไปอยู่ด้วย และต่อมา
เมื่อได้นำชื่อไปตรวจสอบกับทางสถานฑูตญี่ปุ่น ก็ได้พบชื่อนายทหารคนนี้จริงๆ
....ปรืออออ..... และฝ่ายเด็กผู้หญิง
ได้เข้าบวชชี เพื่อรักษาศีลภาวนา ทำบุญแผ่ส่วนกุศลอุทิศให้วิญญาณทหารญี่ปุ่นได้กลับมาเกิดในเร็ววัน.......
โอย... รักโรแมนติกดีจัง นะคะ ชอบ...ชอบ...
เหลือจะเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริง
จากนั้นตัวน้อยอธิบายเรื่องต่าง
ๆ คุยไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก ลูกทัวร์หลับก็หยุด และในคืนที่ห้า คืนสุดท้ายหลังอาหารเย็น ขณะนั่งรถกลับโรงแรม
ตัวน้อยอธิบายเรื่องหลัก ๆ ในการท่องเที่ยวจบหมดแล้ว จึงถามลูกทัวร์ว่า “อยากให้พูดเรื่องอะไรอีกดีคะ” แล้วก็มีลูกทัวร์บอกว่า “อยากฟังเรื่องพ่อของไกด์” เข้าทาง
ได้เลย จัดให้......
ตัวน้อยแบ่งปันว่า “พ่อของดิฉัน
ป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียงเมื่อสองปีที่แล้ว และปีที่แล้ว.....ได้จากโลกนี้ไป ช่วงเวลาสองเดือนที่พ่อป่วยหนัก ดิฉันไปเยี่ยม
และจะสวดภาวนากับพ่อขอพระเยซูเมตตาพ่อด้วย
และในวันหนึ่ง
ขณะสวดบทพระเมตตา พ่อของดิฉันตาลอย
ๆ ดิฉันจึงนำรูปพระเมตตามาขวางตาพ่อให้พ่อมองพระเยซู เมื่อสวดเสร็จ พ่อนำกระดาษมาเขียน เพราะพ่อพูดไม่ได้แล้ว ต้องเจาะคอให้อาหาร
พ่อเขียนว่า “พรุ่งนี้ เขาจะมารับ” เมื่อดิฉันได้อ่าน จึงถามพ่อว่า “เขาน่ะ ใครคะ” พ่อชี้ ไปทางรูปพระเยซู ดิฉันโล่งใจ
ถ้าพระเยซูมารับ แปลว่า พ่อได้ไปสวรรค์
เป็นเรื่องที่น่ายินดี
ถ้าไม่ได้ไปสวรรค์นี่สิ
น่าเป็นห่วงมากกว่า
แต่ในระหว่างนี้
พ่อดิฉันได้รับศีลอภัยบาป ศีลเจิมคนไข้
และ ศีลมหาสนิทแล้ว อยู่ในศีลในพระหรรษทานของพระแล้ว ลูกวางใจในพระองค์ อาแมน.
เมื่อแยกจากพ่อมา ดิฉันติดต่อพี่ ๆ ให้มาลาพ่อ และในวันรุ่งขึ้นก็ลุ้นว่าจะเป็นอย่างไร ปรากฏว่า
พ่อดิฉันได้รับพระเมตตามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกสิบเจ็ดวัน และหลับไปอย่างสงบ
ในงานศพของพ่อ ป้าผู้เป็นพี่สาวของพ่อ ได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตพ่อมาเข้าฝัน และขอให้มาเยี่ยม เมื่อป้าได้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล พ่อหมดห่วงทุกอย่างแล้ว จึงได้จากไปอย่างสงบ
หลังจากนั้นหลายเดือน พี่ชายของดิฉันได้มาเล่าให้ฟังว่า ลูกสาวอายุสิบขวบ มาบอกว่า “ปู่มาหาหนู
สอนหนูสวดภาวนา
และพาหนูเข้านอน”
ห้าสัปดาห์ติดต่อกัน
และเมื่อคริสตมาสที่ผ่านมา (ปี 55) หลานสาวบอกว่า
“ปู่มาหาหนูด้วยคะ”....?????.......................
เป็นอย่างไรคะ พ่อดิฉันมาดี
แสดงว่า พ่อได้ไปที่ดี ๆ
ซึ่งก็คือสวรรค์นั้นเอง ถ้ามีสวรรค์ ก็ต้องมีนรกด้วย และเมื่อมีผีสางเทวาดา ก็ต้องมีพระเจ้าด้วย.... ใช่ไหมคะ
... ใช่สินะคะ...
ในวันสุดท้ายที่ไปสนามบิน ช่วงเวลาสุดท้าย ตัวน้อยกล่าวลาลูกทัวร์ ประโยคที่โดนใจลูกทัวร์น่าจะเป็น “ดิฉันปรารถนาให้คุณนำความทรงจำดี ๆ
กลับไปด้วย ขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน
ความสุขเริ่มต้นจากอะไรคะ..... ใช่คะ จากหัวใจ จากความคิดดี ๆ และจากการกระทำสิ่งดี ๆ แม้แต่สิ่งเล็ก ๆ โดยเฉพาะทำด้วยความรัก เพราะการทำสิ่งดี ๆ
แม้เป็นสิ่งเล็ก ๆ เป็นการสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์นะคะ”
พอตัวน้อยพอจบ ลูกทัวร์ที่นั่งหลังตัวน้อย หยิบขวดน้ำ และน้ำผลไม้ ที่เป็นชุดอาหารเช้าที่โรงแรมจัดมาให้ ยื่นให้ตัวน้อย...... ฟังปุ๊บ ทำความดีปั๊บ เลย ลูกทัวร์คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน น่ารักจริง ๆ
แล้วตัวน้อยก็เปิดใจลูกทัวร์ได้สำเร็จ
ในนาที เกือบสุดท้าย และเราก็จากกันด้วยความสุข และรอยยิ้ม
พระเจ้าข้า ลูกได้หว่านความรัก ความเชื่อ
ความดีลงในหัวใจของลูกทัวร์แล้ว
ขอพระองค์ทรงนำเขาเข้าสู่มรรคาของพระองค์
ในเร็ววันด้วยเทอญ อาแมน.
เขาทั้งหลายที่ตายในพระหรรษทาน และในความเป็นมิตรกับพระเจ้า และได้รับการชำระจนบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้ว จะได้มีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ตลอดกาล
( 1
ยอห์น 3:2) (ข้อความจากหนังสือ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคที่ 1 การประกาศยืนยันความเชื่อ หน้า 272)
|
วิญญาณของคนทั้งหลายที่ตายในสภาพมีบาปหนัก จะลงนรกไปในทันทีหลังจากถึงแก่ความตาย ซึ่ง ณ ที่นั้น วิญญาณจะต้องรับโทษนรก คือ “ไฟนิรันดร” โทษสำคัญของนรกอยู่ที่การต้องถูกตัดขาดชั่วนิรันดรจากพระเจ้า
ซึ่งในพระองค์เท่านั้นที่มนุษ์จะสามารถมีชีวิต
และมีความสุข ซึ่งมนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาก็เพื่อมีชีวิต
และมีความสุขดังกล่าวอันเป็นสิ่งที่มนุษ์ใฝ่ฝันถึง (ข้อความจากหนังสือ คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคที่ 1 การประกาศยืนยันความเชื่อ หน้า 276)
|
มีชีวิตอยู่ในสวรรค์ คือ “อยู่กับพระคริสตเจ้า” (ฟิลิปี 1:23) ผู้ได้รับเลือกสรร
มีชีวิตอยู่ “ในพระองค์” ณ ที่นั้น
|
(ข้อความจากหนังสือ
คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาคที่ 1
การประกาศยืนยันความเชื่อ หน้า 273)
|
ขอพระคริสตเจ้าทรงพระเจริญเทอญ อาแมน.
ลูกแกะตัวน้อย.
26.08.2556 เขียนเสร็จ
03. 09.
2556 เขียนเพิ่ม และส่งเมล
พบกันใหม่
วันอังคาร กับ เรื่องที่ 149. บวชแรมวาร
ขอเชิญตามอ่าน... “ความรักของพระเจ้ากับลูกแกะตัวน้อย” เรื่องที่ส่งไปแล้วใน
http://loveofgodwithlittlelamb.blogspot.com หรือ เข้า GOOLE --à
CATHOLIC BY MY STORY เรื่องที่....
ก็จะได้อ่านเรื่องของตัวน้อยเช่นกันคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น