100.สวัสดีคะ ผู้อ่านที่รัก
ตัวน้อยเขียนเรื่องแรก วันที่ 31 สค.54 (เจ็ดเดือนหลังจากคืนดีกับพระเจ้า) สิบห้าเดือนแล้ว ที่ตัวน้อยเขียน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ หนึ่งร้อยแล้วค้า อยากฉลองจัง ๆ กรุณาปรบมือให้ตัวน้อยหน่อยค้า... ขอบคุณคะ ขอบคุณคะ....
เฉลี่ยเดือนละหกเรื่อง ต้องขอโมทนาขอบพระคุณจิตเจ้าซึ่งตัวน้อยสวดภาวนาวิงวอนขอ ขอพระองค์ทรงประทับอยู่ ขอพระองค์ทรงทำงานนี้กับตัวน้อย ขอประทานสติปัญญา พละกำลัง และปรีชาญาณ เพื่อให้งานเขียนนี้ เป็นพระสงค์ให้สำเร็จไปเป็นที่พอพระทัยของพระบิดาเจ้า และเพื่อให้เรา คือทั้งตัวน้อยเอง และผู้อ่านที่รักได้เติบโตไปด้วยกัน ในความรัก ความเชื่อ ศรัทธา และความหวังอันยิ่งใหญ่ ต่อพระเจ้าผู้ทรงรักเรายิ่งนัก
จริง ๆ แล้วไม่อยากฉลองเรื่องที่หนึ่งร้อยด้วยเรื่องนี้ เท่าไหร่ แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่าง เป็นแรงบันดาลใจให้เขียน กรุณาใส่ผ้าปิดจมูกเวลาอ่านนะคะ ล้อเล่น ๆ ...555
เมื่อคืนวันอังคาร(13 พย. 55) เพื่อนรักของตัวน้อย สละทุกอย่าง และติดตามคนรักไปอยู่ต่างประเทศ ตัวน้อยได้แต่เป็นกำลังใจ สวดภาวนาขอให้รักที่หากันจนเจอ เป็นรักนิรันดร์ มีความสุขทุกวัน หมั่นเติมความรัก และเป็นบ้าน เป็นครอบครัวที่อบอุ่นด้วยรัก สุขสดชื่น เบิกบานแจ่มใส ด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ไม่ว่าอย่างไร ยังมีเพื่อนร่วมยินดีกับความสุขของเพื่อน และพร้อมซับน้ำตา เติมพลังให้ เพื่อมีความสุขกับคนที่เลือก คนที่รัก คนที่ใช่ ตราบนานเท่านาน การใช้ชีวิตคู่เป็นยิ่งกว่าศาสตร์ ยากยิ่งกว่าศิลป์ ทำอย่างไรน้า....ถึงจะทำให้ทุกวันเป็นวันที่มีแต่ความสุข......
สัปดาห์หน้า เมื่อตัวน้อยจบการรักษาแล้ว คนรักของตัวน้อย ...พระเยซูเจ้า จงทรงมีแผนการณ์อะไรสำหรับตัวน้อยน้า...
แต่เมื่อวานนี้ (14 พย. 55) ตัวน้อยไปพบลูกทัวร์ เป็นคนพิเศษมาก ๆ เพราะเป็นคนที่นำขนม ชิโรยโคยบิโต แปลว่า คนรักสีขาว หรือความรักบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นความจำ ความรักของตัวน้อยกับพระเยซู ณ สถานที่ที่ตัวน้อยขอพระเยซูเจ้าแต่งงาน
ลูกทัวร์คนนี้ได้ มอบขนมนี้ให้ตัวน้อย ในวันเวลาที่ตอนน้อยกำลังเศร้ามาก ๆ พระองค์ทรงส่งเขามาเติมความรักของพระองค์ให้ตัวน้อย ถ้าผู้อ่านที่รักขอให้แบ่งปัน จะเล่าจัดหนักให้ฟัง เป็นลูกทัวร์ที่น่ารักจริง ๆ แล้วก็....เขินจัง คือ เขาก็เอ็นดูตัวน้อยมาก ๆ เลย
ที่สำคัญการที่ตัวน้อยไปพบเขาวันสุดท้ายก่อนกลับ ตัวน้อยได้พบเจ้านาย ที่จัดงานทัวร์ให้ตัวน้อย และพร้อมจะให้งานทัวร์ตัวน้อยทำ แต่พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะทรงให้ตัวน้อยทำ คืออะไรคะ พระเจ้าข้า ....
ตัวน้อยก็ต้องแสวงหาน้ำพระทัย สวดภาวนาต่อไป และต่อไป ขอคำภาวนาด้วยนะคะ
ขอจบการทักทาย ด้วยนิยามการแต่งงาน ซึ่งตัวน้อยเขียนไว้ตั้งแต่ ...... สิบห้าปีที่แล้ว ว่า
การแต่งงานคือความสุขที่คนรักกันสองคน ได้เริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกัน
ความรัก ความสุข จะคงอยู่ตราบเท่าที่ทั้งสองต่างช่วยกันดูแล ถนุถนอมด้วยความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ เป็นกำลังใจให้กันและกัน
รวมถึงการให้อภัยในยามผิดพลาด โดยไม่ปราศจาก การพูดคุยกันอยู่เสมอ การเป็นตัวของตัวเองจะต้องคงอยู่ท่ามกลางชีวิตที่คนสองคนแบ่งปันให้กันและกัน รวมทั้งอย่าคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงกัน แต่จงยอมรับกันและกัน
ขอให้เชื่อมั่นว่า ชีวิตแต่งงานคือความสุข และจงร่วมกันทำให้ความสุขดำรงอยู่ตลอดไป ..... ตัวน้อย.
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคู่แต่งงาน และขอพระเจ้าทรงตอบแทนทุกน้ำใจดีทั้งที่มาเยี่ยม โทรศัพท์มาเยี่ยม และเมลดี ๆ ร้อยเท่าพันทวี ขอพระองค์ทรงรัก และดูแลทุกคน แทนตัวน้อย และเผื่อตัวน้อย ด้วยเทอญ อาแมน.
เรื่องที่ 100: เหตุเกิด เพราะก้อนทอง
เป็นคนที่มีความทุกข์ แต่ยังมีความยินดีเสมอ เป็นคนยากจน แต่ทำให้คนเป็นอันมากมั่งมี เป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่ยังมีสิ่งสารพัดบริบูรณ์ 2 โครินทร์ 6:10
สมมุตินะคะ สมมุตินะคะ.. เรื่องมีอยู่ว่า...
มีสุนัขตัวหนึ่ง ของใครคนหนึ่ง ชอบ มาทำธุระหน้าบ้านคนอื่นทุกวัน แล้วคน ๆ หนึ่งซึ่งมีน้ำใจดี จะกวาดหน้าบ้านของตน และบ้านใกล้เรือนเคียง ให้สะอาดทุกเช้า หมายความว่า ต้องกวาด ก้อนทองของสุนัขทุกวัน ๆ บางวันก้อนทองก็ถูกเหยียบ บางวันก้อนทอง ถูกรถทับ บางวันสุนัขท้องเสีย ก็ต้องนำน้ำมาราด มาขัดทุกวัน ๆ เวลาผ่านไป ปีแล้ว ปีเล่า เท่าอายุของสุนัข ซึ่งไม่ต่ำกว่าสิบปี
ใครบ้างจะอารมณ์ดีทุกวัน และมีอยู่วันหนึ่ง คน ๆ หนึ่งซึ่งมีน้ำใจดี ได้กล่าวบ่น ประมาณว่า “ เลี้ยงสุนัขได้ ทำไมไม่รับผิดชอบก้อนทองของสุนัขตัวเองด้วย” ทำให้เจ้าของสุนัข ไม่พอใจ โดยเฉพาะคนในครอบครัวที่มีหัวใจรัก คนในครอบครัวของตนเอง ได้ออกมาปกป้อง สุนัขด้วยว่า “ใจดำแม้แต่กับสุนัขที่น่าสงสาร จะปลดทุกข์อย่างมีความสุขสักหน่อยก็ไม่ได้”
..... ทำให้เกิดเป็นปากเสียงกัน ระหว่างคนสองคน คือ คนที่ต้องเก็บกวาดก้อนทองของสุนัขคนอื่นทุกวัน เป็นเวลานับ...หลาย ๆ ปี กับคนในครอบครัวเจ้าของสุนัข ที่รักสุนัขของตน แต่ไม่รับผิดชอบก้อนทองของสุนัขตน
แล้วในคืนหนึ่ง ก่อนรุ่งสาง มีรถมอเตอร์ขับผ่าน แล้วกดแตร อี๊ด................ ยาว วนมาสองรอบ จากนั้นอีกสักพัก ได้ยินเสียงปัง.... ที่หนึ่ง แล้วอีกสักพัก ได้ยินเสียง ปัง....ที่สอง มีผู้ที่ตื่น และเล่าให้ฟังว่า “เห็นควัน..บริเวณบ้านของคนที่กวาดถนนทุกเช้า น่าจะเป็น ควันจากปืน ....”
ซึ่งสันนิษฐานได้ว่า เป็นการข่มขู่ คุกคามหรือตอบโต้ จากครอบครัวเจ้าของสุนัข คนใดคนหนึ่ง ผู้มีน้ำใจดีกวาดถนนทุกเช้าจึงไปแจ้งความไว้ เพราะมีเรื่องกันเป็นครั้งที่สองแล้ว ตำรวจจึงเรียกทั้งสองฝ่ายไปคุยตกลงกันที่โรงพัก
เมื่อมีเรื่องราว หรือเหตุการณ์ แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเป็นผู้อ่านที่รัก คุณจะทำอย่างไรคะ....
หลายสิ่งที่ตัวน้อยคิดได้ คือ
พระวาจาในหัวใจที่ว่า “อย่าตอบโต้คนชั่ว ” มัทธิว 5:39
ใช่เลย เพราะมีเรื่องกับคนพาล เรื่องเล็ก จะกลายเป็นเรื่องแรก และเป็นเรื่องต่อ ๆ ไป และอาจจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนพาล คิดไม่ได้หรอกว่า ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน คิดไม่ได้หรอกว่า รักสุนัข ก็ต้องรักก้อนทองของสุนัขด้วย เหมือน คำในภาษาอังกฤษที่ว่า LOVE ME LOVE MY DOG. ความหมายก็คือ รักฉัน ก็ต้องรักสุนัขของฉัน สุนัขในความหมายนี้ อาจหมายถึงสุนัขจริง ๆ หรือเป็นสัญญาลักษณ์เปรียบเทียบว่า เมื่อรัก ฉัน ก็ต้องรัก ความไม่ดีของฉันด้วย
แล้ว ถ้าไม่ตอบโต้คนชั่ว.... เราก็จะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ปล่อยให้คนชั่ว ทำชั่วไปเรื่อย ๆ หรือคะ.... แล้วคนดีก็จะถูกรังแก ถูกเอาเปรียบ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า หรือพระเจ้าข้า.....
พระเยซูทรงสอนไว้ว่า “ถ้าผู้ใดตบแก้มขวา จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย” มัทธิว 5:39 อู้...ฮู ... จะมีกี่คนที่ทำได้ ต้องสวดภาวนาขอพระทัยของพระเยซู
แล้วตัวน้อยก็นึกถึง ประวัตินักบุญเพเรกาย ที่พี่ข้างบ้านที่น่ารักคนหนึ่ง ได้กรุณาให้หนังสือ ประวัตินักบุญ เพเรกราย เป็นบทภาวนา และกิจศรัทธา สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ขอพระเจ้าทรงตอบแทนน้ำใจดีร้อยเท่าพันทวี ทั้งบนแผ่นดิน และในสวรรค์
ขอแบ่งปันประวัติของท่านพอสังเขปว่า นักบุญเพเรกาย เป็นนักบุญชาวอิตาลี เป็นบุตรชายในตระกูลสูงศักดิ์ และร่ำรวย มีชีวิตอยู่ราวเจ็ดร้อยกว่าปีที่แล้ว ในวัยหนุ่มท่านใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย และอยู่ในกลุ่มที่ต่อต้านพระสัตตะปาปา
พระสันตะปาปา มาร์ตินที่ IV จึงได้ขอให้ท่านนักบุญ ฟิลิป เบนซี มานำชาวเมืองฟอร์ลี กลับเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักร นักบุญฟิลิป ถูกชาวเมืองขับไล่ออกมาด้วยภาษาที่หยาบโลน ถูกขว้างด้วยหิน และถูกตีด้วยไม้กระบอง ระหว่างการเกิดเรื่องนี้ เพเรกายได้ต่อยท่านที่หน้า ทำให้ท่านล้มลง นักบุญฟิลิปได้ทำตามที่พระคริสตเจ้าทรงสอนไว้ในพระวรสาร โดยยื่นหน้าให้เพเรกายอีกข้างหนึ่ง ชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจในการกระทำของฟิลิป เขาสารภาพผิดด้วยน้ำตานองหน้า และสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิต ฟิลิปได้ปลอบโยนเพเรกราย และช่วยสนับสนุนเขาในเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง ต่อมา ท่านได้บวชเป็นพระสงฆ์ เป็นที่รู้จักดีในเรื่องการเทศน์ ความศักดิ์สิทธิ์ และการอุทิศตนเพื่อคนเจ็บป่วย และคนยากจน
ท่านได้ทำกิจใช้โทษบาปมากมาย โดยเฉพาะท่านยืน โดยไม่มีการนั่ง ตลอดสามสิบปี ทำให้ท่านมีอาการเส้นโลหิตโป่ง และเป็นมะเร็งที่เท้า และขา เมื่ออายุหกสิบปี ทำให้นายแพทย์ตัดสินใจที่จะตัดขาของท่าน คืนก่อนการผ่าตัด ท่านได้ภาวนาต่อหน้าไม้กางเขน วอนขอให้ยอมรับน้ำพระทัย ในขณะที่ท่านหลับ ท่านได้เห็นพระเยซูเจ้าผู้ถูกตรึงบนกางเขน ลงมาหาท่าน และแตะที่ขาที่เป็นมะเร็งนั้น เมื่อท่านตื่นก็พบว่า ขาและเท้าที่เป็นมะเร็งหายอย่างสิ้นเชิง ไม่มีอาการเจ็บปวดอีก
ท่านมีชีวิตอยู่อีกยี่สิบปี และได้รับการแต่งตั้งเป็นนักบุญ องค์อุปถัมภ์ของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง
(เนื้อหานำมาจากหนังสือ นักบุญ เพเรกราย บทภาวนา และกิจศรัทธา สำหรับผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง หน้า 5-10)
จากประวัตินักบุญเพเรกาย ทำให้เราเห็นแบบอย่างแห่งพระวาจาที่ว่า “ถ้าผู้ใดตบแก้มขวา จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย” ถ้าเราเลียนแบบท่านนักบุญฟิลิป คงทำให้อีกหลาย ๆ คนกลับใจได้เช่นกัน ใช่ไหมพระเจ้าข้า.....
ดังนั้น ถ้าตัวน้อยเป็น ผู้มีน้ำใจดีกวาดถนน และก้อนทองของสุนัขของคนอื่นทุกเช้า เมื่อต้องไปคุยตกลงกัน ต่อหน้าตำรวจ ตัวน้อยจะพูดว่า “ขอโทษ ที่พูดให้รับผิดชอบก้อนทองของสุนัขของคุณ ...... ขอให้เราเลิกแล้วต่อกัน อย่างน้อยต่างคน ต่างอยู่ อย่าให้เรื่องเป็นเรื่องไม่รู้จบกันเลยดีกว่า ขอให้เราทำดี เท่าที่ทำได้ เพื่อผู้อื่นบ้างเถิด”
แล้วคงได้แต่สวดภาวนา เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงสอน ว่า “จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน” มัทธิว 5:44 และทำดี ต่อไป และต่อไป เพื่อเป็นกิจการดี ๆ ถวายแด่พระเจ้า และแสดงออกซึ่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์.
ชนชาติของท่านจะรับการช่วยกู้ และทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ และคนเป็นอันมาก ในพวกที่หลับในผลีแห่งแผ่นดินโลก จะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็จะเข้าสู่ความอับอาย และขายหน้านิรันดร์ และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้ให้คนเป็นอันมาก มาสู่ความชอบธรรม จะส่องแสงเหมือนอย่างดาว เป็นนิตย์นิรันดร์ ดาเนียล 12:1-3
เราจะลงฑัณฑ์เขา เนื่องด้วยวิธีการของเขา เราจะลงโทษเขา ตามการกระทำของเขา โฮเชยา 4:9
เราจะช่วยรักษาเขา ให้หายจากการกลับสัตย์ของเขา เรารักเขาทั้งหลาย ด้วยเต็มใจ เพราะว่า ความกริ้วของเรา หันไปจากเขาแล้ว โฮเชยา 14:4
จงแสวงหาความดี อย่าแสวงหาความชั่ว เพื่อเจ้าจะดำรงชีวิตอยู่ได้ พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิตกับเจ้า อาโมส 5:18
ในวันนั้น เมื่อเขาถูกทำลาย เจ้าไม่ควรยืนยิ้มอยู่ในเรื่องภัยพิบัติของเขา.......เจ้ากระทำแก่เขาอย่างไร ก็จะมีผู้มากระทำแก่เจ้าอย่างนั้น โอบาดีห์ 11:13,15
อย่าหยุดภาวนา และวิงวอนขอพระจิตเจ้าตลอดไป 1ทิโมธี 2:1
อาแมน.
ลูกแกะตัวน้อย
10.11.2555 เขียนเสร็จ
15.11.2555 เขียนเพิ่มและส่งเมล
พบกันใหม่ วันพฤหัสบดี กับ เรื่องที่ 101: จากห้องคำสอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น