วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เรื่องที่ 101: จากห้องคำสอน

101.สวัสดีคะ  ผู้อ่านที่รัก
                ที่ผ่านมาตัวน้อยส่งเมลถึงผู้อ่านที่รัก  ทุกวันพฤหัสบดี  กับวันอาทิตย์  อาทิตย์ละสองเรื่อง  จากเรื่องที่แล้ว ครบหนึ่งร้อยเรื่อง  ตัวน้อยคิดว่าจากนี้ไปจะส่งเมลอาทิตย์ละเรื่องดีไหมน้า...  
                จากวันพฤหัสบดี  ที่แล้ว  จนถึงวัพฤหัสบดีนี้  ตัวน้อยรอวันส่งเรื่องทำไมความรู้สึกมันน๊าน.... นาน ....  จะมีผู้อ่านที่รักของตัวน้อยสักกี่คนน้า  ที่กรุณารออ่านเรื่องของตัวน้อย....
                จากวันทรมานเพราะความเจ็บป่วย  ตัวน้อยสวดวิงวอนขอความชื่นชมยินดี  ความเบิกบานใจ   แล้วระหว่างอาทิตย์นี้  ก็มีเรื่องทำให้ชื่นชม  ยินดี  เบิกบานใจ  เกิดขึ้นมากมาย   เช่น  เพื่อนสมัยโรงเรียนแวะมาเยี่ยมตัวน้อยที่บ้าน  ราวยี่สิบคน  เราคุยกันดังมาก ๆ สนุกมาก ๆ  จนวันต่อมาเพื่อนบ้านทักว่า  ไม่ได้ยินเสียงตัวน้อยหัวเราะดัง ๆ แบบนี้นานแล้ว 
                และตั้งแต่ตัวน้อยป่วยห้าเดือนที่แล้ว  นายชุมพาบาลที่สี่  ได้กรุณาแนะนำ  ให้รับประทานทุเรียนเทศ  แล้วเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนที่คุณพ่อมาธุระที่วัดตัวน้อย  มาเยี่ยมและรับประทานอาหารกลางที่บ้านพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน  คุณพ่อเปิดเว๊ปข้อมูลทุเรียนเทศให้อ่าน  แต่ตัวน้อยไม่ทราบ จะหาซื้อจากที่ไหน และไม่มีความพยายามจะหาซื้อ.....
                แล้วพี่พลมารีย์ที่น่ารักมาก ๆ เป็นแบบอย่างแห่งความเจ็บป่วย  เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของตัวน้อย  เพราะเขาป่วยและรักษาตัวก่อนตัวน้อยเกือบสองปี  เราได้คุยกันถึงทุเรียนเทศ  แล้วพี่เขาก็ได้พบคนที่มีทุเรียนเทศ  และ  กรุณาซื้อทั้งผล  ทั้งต้นทุเรียนเทศ  และนำมาให้ตัวน้อยถึงบ้าน  ตัวน้อยกำลังกลุ้มใจ  บ้านตัวน้อยไม่มีดินเลย  ปลูกในกระถางเมื่อไหร่จะได้  รับประทานผลหล่ะเนี่ย....
                ผลของทุเรียนเทศ  คล้ายทุเรียน แต่มีหนามเล็ก  หรือเหมือนลูกยอ  เนื้อข้างในเหมือนน้อยหน่า  รสชาติหวานอมเปรี้ยว  มีฤทธิ์ฆ่ามะเร็งได้ดีกว่าเคมีบำบัดยิ่งนัก  และไม่มีผลข้างเคียง
                เพื่อสุขภาพที่ดี  ผู้ใดมีโอกาส  หาซื้อทุเรียนเทศได้  ก็รับประทานไว้นะคะ  จะได้ห่างไกล  จากการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งตัวน้อยอยากมีสวนปลูกทุเรียนเทศจัง
                ตัวน้อยได้รับทุเรียนเทศ  ผลไม้ฆ่ามะเร็ง   ราวกับราชรถมาเกย  เพราะพี่ที่น่ารัก  กรุณาซื้อ  แล้วนั่งมาเตอร์ไซต์มาส่งให้ถึงบ้าน  เป็นอีกเรื่อง  ที่สำเร็จไป  แม้ใจไม่ได้หวัง  ด้วยความรัก  และพระเมตตาจริง ๆ แล้วตัวน้อยจะจัดการกับ ต้นทุเรียนเทศทั้งสอง  อย่างไร กรุณาติดตามตอนต่อไปนะคะ
                วันจันทร์หน้า  (26.พย. 55)  การฉายแสง (ครั้งที่ยี่สิบเจ็ด)    ก็จะเสร็จสิ้นลง  คุณหมอได้บอกให้ตัวน้อยเพิ่มน้ำหนัก  เพื่อฟื้นร่างกาย  และกล้ามเนื้อ  อีกประมาณสามกิโลกรัม  ตัวน้อยมีสูตรเพิ่มความอ้วน  ถ้าทำได้สำเร็จ  จะแบ่งปันในเรื่องต่อ ๆ ไป นะคะ
                อ้อ..มีผู้อ่านที่รักของตัวน้อย  กรุณาส่งเมล  มาว่า  “อยากรับประทานขนมญี่ปุ่น ชิโรยโคยบิโต” ซึ่งแปลว่า คนรักสีขาว  หรือ ความรักบริสุทธิ์.....  ตัวน้อยยินดี   และดีใจมาก ๆ  แต่จะทำอย่างไรดีน้า...
                วันเสาร์นี้ ( 24  พย.  55)  ตัวน้อยจะไปเข้าเงียบ ของฆราวาสผู้ประกาศข่าวดี ที่บ้านคริสตีน่า  วัดพระแม่มหาการุณย์  นนทบุรี   เก้าโมงเช้า  ถึงเราห้าโมงเย็น  ผู้ใดว่างขอเชิญมาร่วมเข้าเงียบด้วยกันนะคะ  ตัวน้อยจะนำ  ขนมชิโรยโคยบิโต   ไปรับประทานที่นั่น   แต่ถ้าไม่สามารถไปได้  ตัวน้อยจะรับประทานเผื่อนะคะ  เป็นคุ๊กกี้เนยสด  รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส  เนื้อคุ๊กกี้เป็นสีครีม  ขอบสีน้ำตาล  หวานสักหน่อย  อร่อย.....  แต่ยังหวานไม่เท่าความความรักของพระเจ้าหรอกคะ......  ลองรักพระองค์มาก ๆ ดูสิคะ  แล้วจะรู้ว่าพระองค์น่ารักเพียงใด  จะมีผู้ใดเทียบรักของพระองค์ได้  .....
ขอพระเจ้าทรงตอบแทนทุกน้ำใจดีทั้งที่มาเยี่ยม โทรศัพท์มาเยี่ยม  และเมลดี ๆ  ร้อยเท่าพันทวี  ขอพระองค์ทรงรัก  และดูแลทุกคน  แทนตัวน้อย  และเผื่อตัวน้อย   ขอพระจิตเจ้าทรงโปรดภาวนาเพื่อพวกลูกทั้งหลาย ด้วยเทอญ  อาแมน.
จงจำสิ่งเหล่านี้  เจ้าเป็นผู้รับใช้ของเรา  เราปั้นเจ้า  เราจะไม่ลืมเจ้า  อิสยาห์ 44:21
จะพบความชื่นบาน  และความยินดีในเธอ  ทั้งการโมทนา  และเสียงเพลง  อิสยาห์ 51:3
ความรักมั่นคงของเรา  จะไม่พรากไปจากเจ้า อิสยาห์ 54:10
ขอสรรเสริญ  นมัสการ  และโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าสุดจิตสุดใจ
เอาหล่ะคะ  ตอนนี้  เชิญอ่าน
เรื่องที่ 101:  จากห้องคำสอน
ตั้งแต่ เมื่อทรงสร้างโลกคุณลักษณะไม่อาจแลเห็นได้ของพระเจ้าคือ  อานุภาพนิรันดร  และเทวภาพของพระองค์  ปรากฏอย่างชัดเจนแห่งปัญญามนุษย์  ในสิ่งสร้าง  ดังนั้น  คนเหล่านี้  จึงไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ พวกเขารู้จักพระเจ้า  แต่ไม่เคารพบูชาพระองค์ ผู้เป็นพระเจ้า  หรือขอบพระคุณพระองค์  ความคิดหาเหตุผลของพวกเขากลับใช้การไม่ได้  และจิตใจที่ไม่ยอมเข้าใจ  กลับมืดบอดลง  โรม 1:20-21
                ใน ปี 2012-2013  พระสัตตะปาปา เบเนดิกส์ที่ 16  ได้ทรงประกาศให้เป็น “ปีแห่งความเชื่อ”
                ทำไมต้องประกาศให้เป็นปีแห่งความเชื่อ  ความเชื่อ  คือะไร  ความเชื่อเกิดจากอะไร  มีสองคนใกล้ตัว  ที่ถามให้ตัวน้อยได้ยิน  ตัวน้อยก็แอบสงสัย  แอบคิดอยู่เหมือนกัน......
                เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 11 พย.55)  ตัวน้อยได้ไปมิสซา  ได้รับมอบหมายให้เก็บถุงทาน  ในงานของพลมารีย์  และได้เข้าเรียนคำสอนที่วัดของตัวน้อย
                บราเดอร์ได้แบ่งปันถึง  แต่ก่อนผู้คนศรัทธามาก  คนส่วนใหญ่จะไปวัดวันอาทิตย์  ทำให้คนที่ไม่ไปวัด  ถูกถามว่าทำไมไม่ไป   แต่เดี๋ยวนี้  คนส่วนน้อยที่ไปวัด  ทำให้ถูกถามว่า  ไปวัดทำไม   ???
คุณพ่อท่านหนึ่ง  ได้แบ่งปันว่า  วัดทางยุโรปเริ่มกลายเป็นวัดร้าง  บ้านเณร  ทางยุโรป  มีผู้สนใจเข้าบ้านเณร  เพื่อบวชเป็นพระสงฆ์ นักบวช น้อยลงมาก  มากจนหลายแห่งต้องถูกปิด  แต่ทางเอเชีย  อย่างเช่น   เกาหลี  เวียดนาม ไทย  ความเชื่อศรัทธายังมีความเข้มข้น  ร้อนรนมากกว่า
                ทำไมทางยุโรปซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์  ความเชื่อศรัทธาจึงได้ลดน้อยลง
                สำหรับความคิดเห็นของตัวน้อย  เมื่อตัวน้อยได้อ่านอัตชีวประวัติของคุณพ่อคาร์โล  คุณพ่อเกิดเมื่อปี 1900 (ประมาร้อยสิบสองปีที่แล้ว)   ที่เมือง เซนุสโก  ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ใกล้ กับตัวเมืองมิลาน 
ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านนั้น  ได้กล่าวถึง   ผู้คนที่เมืองที่ท่านเกิด  หรือแม้ท่านและครอบครัวของท่าน  ล้วนศรัทธามาก ๆ   ทุกคนหมั่นไปวัด  แก้บาป รับศีลมหาสนิท ด้วยความเชื่อที่ว่า  เราไม่รู้วันเวลา  วันแห่งการพิพากษา  วันแห่งการสิ้นพิภพ  ใกล้เข้ามาแล้ว  จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงประกาศข่าวดีนี้  มาตั้งสองพันปีแล้ว  โลกก็ยังอยู่นี่นา  แต่เป็นโลกแบบไหน   โลกแห่งความวุ่นวาย  โลกแห่งภัยพิบัติ  โลกที่ความรัก ความดี  เริ่มหายไป...หายไป...  เป็นโลกแห่งเจ้าโลกที่ครอบครอง 
เจ้าโลกหมายถึงปีศาจ  ซาตาน   ซึ่งล่อหลอกมนุษย์ด้วยเล่ห์กลสารพัด  ให้ผู้คนหลงลืม   ไม่รู้จัก ละทิ้งพระเจ้า  ผู้ซึ่งเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งดี  และทรงรักมนุษย์ผู้เป็นสิ่งสร้างของพระองค์มากที่สุด
สังคมเดี๋ยวนี้  คนส่วนใหญ่  กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตน  ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน  ครอบครัวของตน  โดยไม่คิดว่าทำให้คนอื่น ๆ ต้องได้รับผลกระทบเช่นไร  แก่งแย่ง  ชิงดี  เอารัดเอาเปรียบ  ทำร้าย  ทำลาย  เบียดเบียนซึ่งกันและกัน   ทำให้คนดี  กลายเป็นเหยื่อของคนชั่ว  ดั่งพระเยซูเจ้าตรัสสอนไว้ว่า  เราส่งท่านทั้งหลายไป  ดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า
นอกจากนั้นปีศาจซาตาน  ได้ทำงานกันอย่างหนัก  เพื่อให้มนุษย์หลงลืม  ละทิ้งพระเจ้า  ด้วยการมอมเมาด้วยความสะดวก สบาย  ความบันเทิงฝ่ายกาย   เมื่อกายเน่าเปื่อย  จบสิ้นไป  แล้วชีวิตวิญญาณนิรันดร  จะเป็นเช่นไร.....
มนุษย์  หรือแม้แต่นักบวช  ผู้สละตน  อุทิศตนเพื่อพระเจ้า  ก็ยังเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอ  อาจไม่ใช่ภาพลักษณ์  เครื่องหมาย  และเครื่องมือที่ครบครันของพระเจ้า  ทำให้สัตบุรุษสูญเสียความศรัทธา ในตัวนักบวช  และละทิ้งพระเจ้าไปก็มีเช่นกัน  ตัวน้อยได้ยินมาบ้าง  แต่ตัวน้อยเข้าใจ  ท่านก็เป็นมนุษย์  อาจทำอะไรไม่ถูกใจเรา  อาจหลงผิดไปบ้าง อาจไม่ใช่แบบอย่างที่ดีในทุกด้าน
 ใครเล่าจะครบครัน  มีแต่พระเยซูเจ้าเท่านั้น  ที่ครบครัน  เราจึงต้องสวดภาวนาให้พวกท่านเป็นพิเศษ
ในห้องคำสอนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  มีคนถามถึงความเชื่อคืออะไร  ตัวน้อยลุกร้อนอีกครั้ง  แบ่งปันไปเล็กน้อย  แต่ขออนุญาตแบ่งปัน  ความคิด  ความรู้เท่าหางอึ่ง  ในเรื่องนี้ว่า
ความเชื่อนั้น  เกิดจากความรู้  และความรัก
เหมือนความรักเกิดขึ้นได้สองแบบคือ  ตกหลุมรัก หรือรักแรกพบ  แค่พบ เห็น สบตา แล้ว  ใช่เลย   กับการที่ค่อย ๆ ได้เรียนรู้  ได้ใกล้ชิด  ได้รู้จัก แล้วก็เกิดเป็นความรัก
เมื่อเรารักแล้ว  เราก็จะเชื่อในทุกสิ่งที่คนที่เรารักบอก   ชี้นกเป็น  นก  ชี้ไม้  เป็นไม้  เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง
 เหมือนกับการที่เราเรียนรู้จักพระเจ้า  ได้ฟัง  ได้อ่าน  ได้เห็น  ได้สัมผัส  ว่า  พระเจ้าทรงรักเราแค่ไหน  ทรงสร้างทุกสิ่งดี  เพื่อให้มนุษย์ผู้เป็นสิ่งสร้างที่พระองค์ทรงรักที่สุด  ได้ดำรงชีวิตอย่างมีความสุข  และมีสันติสุข
 เมื่อเรารักพระเจ้า  เราก็จะเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงสอน  พระเจ้าทรงสอน  ให้เลียนแบบพระเยซู   ติดตามพระเยซูเจ้า  แบกกางเขนของตน   ด้วยความรักต่อพระองค์  เราก็จะเชื่อ  และทำตาม   และเห็นทุกคน  เป็นพระองค์ ด้วยตาแห่งใจรัก  สีชมพูนั่นเอง
เพราะศาสนา  ไม่ใช่วิทยาศาสตร์  ที่ต้องมีเหตุผล  ต้องพิสูจน์ได้   แต่ศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อ  ซึ่งก่อเกิดมาจากความรู้  และความรักนั่นเอง
เมื่อเวลาเรามีความรัก  เราจะมองเห็นโลกเป็นสีชมพู  มีความสุข  คิดถึงเขาทุกลมหายใจ  ตาบอด  สำหรับสิ่งที่ไม่ดีของเขา  เขาน่ารักที่สุด  เขาดีเสมอ  ......
ใครคะ  ที่เป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด.....พระเจ้านั่นเอง   พระองค์ทรงรักมนุษย์ไม่ลืมหูลืมตา  ไม่จดจำความผิด  พร้อมให้อภัยทุกคน  ทุกครั้ง  ยินดีทำเพื่อเราทุกอย่าง  สร้างให้เราทุกสิ่ง  โอบอุ้ม  เราด้วยความรักมั่นคงนิรันดร   ทั้ง ๆ ที่เราไม่น่ารัก  รักแม้เราทำให้พระองค์เสียพระทัยบ่อย ๆ  รักแม้เราไม่ควรค่าให้พระองค์ทรงรัก  และพระองค์ก็ไม่เคยทิ้ง  ทรงอยู่กับเรา  อยู่เคียงข้างเรา  พร้อมจะช่วยเราเสมอ
คนที่มีความรัก  มีความเชื่อในพระเจ้าจะสัมผัสพระเจ้าได้ในทุกสิ่ง   ตัวอย่างเช่น
เพื่อนในห้องคำสอนของตัวน้อย (ซึ่งมาเรียนคำสอน  เพื่อเตรียมตัว  รับศีลล้างบาป)  หลังจากที่ได้ฟังตัวน้อยแบ่งปัน  แบบจัดเล็กไป  เขาได้แบ่งปันความว่า  “การมาเรียนคำสอนของเขาในวันนี้  ตอนแรก  คิดว่าจะไม่มา  เพราะมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ  แต่แล้วใจเขาก็ร้อนรน  จนตัดสินใจมาเรียนคำสอน   จากบ้านที่อยู่ไกลมาก ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง  เหลือเวลาเดินทางอีกแค่ยี่สิบนาที  เขาจึงรำพึงคุยกับพระองค์  ว่า “ เหลือเวลาแค่ยิ่สิบ  ขอพระองค์ทรงช่วย  แล้วแต่พระองค์เทอญ....” แล้วเขาก็มาถึง  ได้เรียนคำสอนด้วยกัน
เมื่อหมดเวลาเรียน  พี่คนที่นั่งข้างตัวน้อย  ได้ถามตัวน้อย  ถึงการสวดสายประคำ  ตัวน้อยถูกพี่คนนี้ถามเป็นครั้งที่สองแล้ว  ครั้งแรกฟังไม่เข้าใจ  ครั้งสอง  จึงเข้าใจว่า  พี่เขาสวดไม่เป็น  ตัวน้อยจึงสอน แบบที่ตัวน้อยสวด และบราเดอร์ก็มาช่วยสอนให้ถูกต้อง
พี่เขาบอกว่า “ถ้าสวด แล้วจับมือกัน จะรักษาโรคได้ใช่ไหม”  พี่เขาปวดที่แถว ๆ สะโพกอยู่   ตัวน้อยจึงบอก  “งั้นเรามาสวดด้วย กัน”  เพื่อให้พี่เขาฝึกสวดด้วย   ผู้เรียนที่เหลืออยู่ในห้องสี่คน กับบราเดอร์  เราสวดด้วยกัน
ตัวน้อยบอก กับพี่เขา  ก่อนสวดสายประคำว่า  “เวลาสวดสายประคำ  ให้ตั้งใจสวด  เพราะแม่พระอยู่  และสวดกับเราด้วย  ให้ตั้งใจขอ  สิ่งที่ปรารถนา  แต่ถ้าไม่ได้รับ  แปลว่า  ยังไม่ใช่เวลา  เพราะพระเจ้าจะทรงประทานที่สิ่งที่ดีกว่า  และมากกว่า  ในเวลาของพระองค์  ขอให้สวดต่อไป  และต่อไป”
ตัวน้อยถาม  “พี่มีสายประคำ  หรือยัง”  พี่เขาก็บอกว่า “ยัง”  ตัวน้อยจึงนำสายประคำของตัวน้อยให้พี่เขา  บอกกับพี่เขาว่า  “สายประคำนี้  มาจากโรม  ตัวน้อยได้รับมาจากการไปฉลองวัด  นักบุญมรณสักขีองค์แรก  คือวัด นักบุญ สเตเฟน  แม่จัน  เชียงราย”  เมื่อเราสวดเสร็จ  ตัวน้อยเห็นพี่เขาน้ำตาคลอ  และนำสายประคำสวมคอทันที   ตัวน้อยเสียดายนิดหน่อย  แต่ก็ยินดีจะให้.....สละของรัก.....อีกครั้ง  เพราะรักพระองค์นะพระเจ้าข้า
เมื่อเดินออกมาด้วยกัน  พี่เขาได้แบ่งปันว่า  “เวลาที่เขาสวดสายประคำ  เขารู้สึกร้อนไปทั้งตัว”   พระหรรษทานคงหลั่งไหล  สู่พี่เขา  จึงได้เกิดปิติสุข  จนน้ำตาคลอ   ดีใจจัง  ที่พี่เขาได้สัมผัสพระหรรษทานของพระเจ้า  และแม่พระ
ความรักของมนุษย์นั้น  นับวันมีแต่น้อยลง  เพราะเราจะเห็นความไม่น่ารัก  ความไม่ดีของกันมากขึ้นทุกวัน  ถ้าไม่รู้จักให้อภัย  ไม่หมั่นเติมความรัก ไม่หมั่นเติมสิ่งดี ๆ ให้กันและกัน  ความรักนั้น  ก็จะตาย ....
แต่ความรักของพระเจ้านั้น  ยิ่งได้เรียนรู้    ยิ่งได้รู้จักพระองค์  จะรักพระองค์มากขึ้นทุกวัน....  เพราะพระองค์น่ารักที่สุด ของที่สุด  ใครไม่รักพระองค์  ก็......น่าเสียดายยิ่งนัก  คิดถึงคำติดปากของนายชุมพาบาลที่หนึ่งขออนุญาตนำมาใช้  ใครไม่รักพระเจ้า  ก็เสียชาติเกิดจริง ๆ........
“เรียนรู้ที่จะรัก  แม้อยากรัก โดยไม่ต้องเรียน 
หัวใจทำไมดื้อนัก  จึงสัมผัสรักพระไม่ได้
เพราะตาก็บอด  ใจก็บอด  ไม่รู้อ้อมกอดที่พระประทาน
มีหูสักแต่ได้ยิน   พระถวิล อยากให้รับฟัง
ใจเอ๋ย  จงเปิดเถิดหนา  รักพระเจ้า  นั้นสุขแท้จริง.”
(กลอนเปล่า  ที่ตัวน้อยแต่ง  ตั้งแต่ แรก ๆ กลับใจ  วรรคสุดท้าย   จำไม่ได้  หาต้นฉบับไม่พบ  เลยจบใหม่อีกรอบ  พอใช้ได้ไหมค้า....  ลองอ่านในจังหวะ แล๊ป  โย่...สิคะ  555)
ตัวน้อยมีความคิด  ความเชื่อส่วนตั๊ว ส่วนตัว อยากกระซิบแบ่งปันว่า  เขาว่า  ปีนี้ 2012  โลกจะแตก  อีกไม่ถึงสองเดือน จะหมดปี  โลกจะแตกไหม  ??????
ถ้าไม่แตกนะคะ  แปลว่า  คำภาวนาของพวกเราที่ขอพระเมตตาต่อโลกนั้น  พระเจ้าทรงเมตตา  ต่อเวลาออกไป  ถ้าเราไม่ช่วยกันสวดภาวนาต่อไป  มากขึ้น และมากขึ้น  โลกที่แย่ ๆ อยู่ตอนนี้  จะแย่ลงไปอีกแค่ไหน......  ไม่สวดภาวนา  ไม่ได้แล้ว  ใช่ไหมคะ...
ข้าพเจ้าทั้งหลายได้สละทุกสิ่ง  และติดตามพระองค์แล้ว  มาระโก 10:28
พวกเขาจะปกมือเหนือคนเจ็บ  คนเจ็บเหล่านั้น  ก็จะหายจากโรคภัย  มาระโก 16:18
ถ้าท่านอยากเข้าสู่ชีวิตนิรันดร  ก็จงปฏิบัติตามบทบัญญัติเถิด  มัทธิว 19:17
ท่านต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของท่านสุดจิตสุดใจ  สุดวิญญาณ  สุดสติปัญญาของท่าน  นี่คือบัญญัติเอก  และบัญญัติแรก  บทบัญญัติที่สองก็เช่นกัน  คือท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์  เหมือนรักตนเอง มัทธิว 22:37-39
จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า  พระเจ้าของท่าน  และรับใช้พระองค์ผู้เดียวเท่านั้น  มัทธิว 4:10
ท่านและเงินทองจงพินาศ  เพราะท่านคิดว่า  ท่านใช้เงินซื้อของประทานจากพระเจ้าได้  กิจการอัครสาวก 8:20  อู้...น่ากลัว ๆ....
บรรดาอัครสาวกทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า  “โปรดเพิ่มความเชื่อให้เราเถิด”  องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสว่า  ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด  และพูดกับต้อนหม่อนต้นนี้ว่า  “จงถอนราก  แล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด”  ต้นหม่อนต้นนั้น  ก็จะเชื่อฟังท่าน  ลูกา 17:5-6
เราต้องเชื่อฟังพระเจ้า  ยิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ กิจการอัครสาวก 5:29
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกิจการยิ่งใหญ่เพื่อเรา  และเรามีความยินดี  สดุดี 126:3
อาแมน.
ตัวน้อยตั้งใจจบเรื่องลงที่นี้   เขียนตั้งแต่  ก่อนตีหนึ่ง  เสร็จตีสี่ครึ่ง นอนต่อไม่หลับ  หกโมงครึ่งลุกขึ้นมา.... แล้วอ่าน ไบเบิล ไดอารี่ 2012  ของวันนี้  (13  พย. 55)  ขออนุญาต  แถม  กรุณาอ่าน ต่ออีกหน่อยนะคะ  สู้...สู้..  แล้วจะทราบว่า  พระเจ้าทรงเผยแสดง  พระองค์ทรงสอนเรา  คุยตอบเรา  ด้วยพระวาจาอย่างไร
บทอ่านที่หนึ่ง  ทิตัส 2:1-8, 11-14
                “พี่น้อง  ท่านจงเทศน์สอนสิ่งที่สอดคล้องกับหลักคำสอนที่ถูกต้อง 
                จงสอนชายสูงอายุให้มัธยัสถ์ในการกินการดื่ม  ทำตนเป็นที่ควรเคารถนับถือ  มีเหตุผล  มีความมั่นคงในความเชื่อ  ความรัก  และความอดทน
                ทำนองเดียวกัน  จงสอนสตรีสูงอายุให้ประพฤติตนเหมาะสมกับการเป็นผู้มีความเชื่อ  ไม่ใส่ความ  ไม่นินทา  และไม่ติดสุรา  พวกเขาเหล่านั้นจะเป็นผู้อบรมสั่งสอนหญิงที่เยาว์วัยกว่าให้รู้ว่า  จะต้องรักสามี  และบุตรของตนอย่างไร  จะต้องมีเหตุผล  และทำตนให้บริสุทธิ์อย่างไร  จะต้องทำงานบ้าน  ต้องสุภาพอ่อนโยน  และนอบน้อมต่อสามีอย่างไร
                เพื่อจะไม่ทำให้พระวาจาของพระเจ้าถูกกล่าวร้าย
 จงตักเตือนชายหนุ่มให้รู้จักมีเหตุผลในทุกสิ่ง  
โดยท่านจะต้องเป็นแบอย่างในกิจการที่ดี  เมื่อสอน  ก็จงสอนด้วยความจริงใจ  และจริงจัง  โดยสอนคำสอนที่ถูกต้อง  ไม่มีผู้ใดตำหนิได้  เพื่อฝ่ายปฏิปักษ์  จะรู้สึกอาย  และไม่มีสิ่งใดตำหนิเราได้
พระหรรษทานของพระเจ้าปรากฏขึ้น  เพื่อช่วยมนุษย์ทุกคนให้รอดพ้น  สอนเราให้ละทิ้งอธรรม  และโลกียตัณหา  พื่อดำเนินชีวิตอย่างมีสติสัมปัชัญญะ  ด้วยความชอบธรรม  และด้วยความเคารพรักพระเจ้าในโลกนี้ 
ขณะที่เรากำลังรอคอยการสำแดงพระองค์ในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระคริสตเยซู  พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่  และพระผู้ไถ่ของเรา  ป็นความสุขที่เราหวังไว้  พระองค์ทรงมอบพระองค์เพื่อเรา  เพื่อไถ่กู้เราจากอธรรมทั้งหลาย  ชำระประชากรให้บริสุทธิ์  เพื่อจะเป็นประชากรของพระองค์  และเป็นผู้ปรารถนาจะทำแต่ความดี”
โดนไหมคะ  พระวาจา  ตัวน้อยรู้สึกเหมือนโดนจัดหนัก  จัดเต็ม  ทำไมถึงได้อ่านในวันนี้  ทำไม....
  ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบ  จบจริง ๆ แล้วคะ   เหนื่อยหน่อยน้า... เป็นผู้อ่านที่รักของตัวน้อย  สู้...สู้....
รักพระเจ้า  และรักผู้อ่านของตัวน้อย  อ้อ..แล้วคนอื่น ๆ ด้วย  เมื่อรักพระเจ้าแล้ว  ไม่อาจไม่รัก  ใครแม้แต่สักคน  ....ใช่ไหมค้า...
ลูกแกะตัวน้อย
 13.11.2555    เขียนเสร็จ
22.11.2555  เขียนเพิ่มและส่งเมล
พบกันใหม่   วันพฤหัสบดี กับ เรื่องที่ เรื่องที่ 102: นกแก้ว  นกขุนทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น