สวัสดีคะ ผู้อ่านที่รัก ท่านได้อ่านเรื่องมาเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว ตัวน้อยอยากขอความคิดเห็นจากท่านทั้งหลายว่า เรื่องความรักของพระเจ้ากับลูกแกะตัวน้อย นี้ มีค่า มีประโยชน์ แก่ผู้อื่นที่สมควรจะจัดทำเป็นหนังสือเพื่อเผยแพร่ต่อไปหรือไม่ ตัวน้อยตั้งใจพิมพ์แจก ถ้าขาย...จะมีคนซื้อไหมนะคะ รายได้ ตั้งใจทำบุญทั้งหมด ตัวน้อยพอมีทุน ทำได้จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าได้ผู้มีจิตศรัทธาอยากร่วมทำหนังสือด้วยกัน ก็ยินดี กรุณาติดต่อ..ทางเมล์ก็ได้นะคะ ถือเป็นกิจการดี ๆ ทำถวายพระเจ้า และเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตามกำลัง และใจสมัคร จริง ๆ แล้ว แค่กำลังใจ คำภาวนา ก็เหลือเฟือ ถ้าได้กำลังทรัพย์ด้วย ก็สุดยอดไปเลย ไม่อยากทำคนเดียว ไม่อยากได้รับบำเหน็จรางวัลคนเดียวจริง ๆ และไม่อยากไปสวรรค์คนเดียว มันคงเหงาไปหน่อยนะคะ อยากไปสวรรค์ ต้องพากันไปไม่ต่ำกว่าสามคน ไม่เช่นนั้น เวลาอยู่ต่อหน้า พระเยซูเจ้า แล้ว พระองค์ทรงถามว่า แล้วคนอื่น ๆ หล่ะ จะตอบพระองค์ว่าอย่างไร ใช่ไหมคะ เอาหล่ะคะ ขอเชิญอ่าน
เรื่องที่ 12 การแผ่ธรรมกับลูกทัวร์
“จงไปประกาศว่า พระอาณาจักรสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว” (มัทธิว 10:7)
วันที่ 11 กย. 54 เป็นวันสุดท้าย ของการทำงานทัวร์สี่วันของตัวน้อย ในตอน เช้า ก่อนออกเดินทางไปท่องเที่ยว ที่กาญจนบุรี ลูกทัวร์หนึ่งในห้าคน ได้ทักทายตัวน้อย ด้วยคำพูด ว่า “ไกด์ นอนหลับสบายมั๊ยคะ” ซึ่งจริง ๆ เป็นคำทักทายที่ตัวน้อย ใช้สวัสดีลูกทัวร์ตอนเช้า ทำไม ลูกทัวร์ถึงทักทาย แบบนี้ ก่อนที่ตัวน้อย จะได้พูดเล่า คงเป็นเพราะลูกทัวร์รักและห่วงใย ตัวน้อย ลูกทัวร์ตกหลุมรักไกด์แล้วหรือเปล่านี่ (คิดเอง โมเมเองเก่งคะ)
ถึงแม้อาจจะไม่ใช่แต่คงใกล้เคียง คงเพราะรักและเอ็นดูมากกว่า ทำไมลูกทัวร์ถึงรัก
และห่วงใยตัวน้อย ก็เพราะ พระเยซูทรงสอนไว้ว่า “ท่านอยากให้เขาทำกับท่านอย่างไร ก็
จงทำกับเขาอย่างนั้นเถิด” (มัทธิว 7:13) พระวาจานี้ คือหนึ่งในหลาย ๆ พระวาจาที่อยู่ในหัวใจ
“จงปฏิบัติตามพระวาจา มิใช่เพียงแต่ฟัง ซึ่งเท่ากับหลอกตัวเอง” (ยากอบ 1:22)
เพราะพระวาจานี้ ทำให้ตัวน้อยจะให้ ในสิ่งที่ตัวน้อยอยากได้รับ จะทำใน สิ่งที่ อยากได้รับการกระทำตอบ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้ เช่น ตัวน้อยอยากให้ลูกทัวร์รัก และเอ็นดูตัวน้อย ตัวน้อย จะมอบความรักให้กับลูกทัวร์ก่อน
เพราะนิสัยของคนญี่ปุ่นนั้น เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตที่ขยันขันแข็ง จริงจัง ทำงาน หนัก และพกใบหน้าที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาท่องเที่ยว ดังนั้น ตัวน้อย จะละลาย ใบหน้าที่ขมึง ตึงของลูกทัวร์ด้วยการแจกลูกอมคนละสองเม็ดทุกเช้า ตั้งแต่การท่องเที่ยววันแรก และด้วยการ เริ่มสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่น ความว่า
“ทุกท่านคะ การที่ท่านได้มาเป็นลูกทัวร์ของดิฉันนั้น ดิฉันมีวิธีหนึ่งที่อาจไม่ เหมือนไกด์คนอื่น ๆ คือจะบริการลูกอมท่านละสองเม็ดทุกวัน ( คำว่า สองเม็ดในภาษาญี่ปุ่น คือนิโกะนิโกะ มีความหมายสองอย่างคือ สองเม็ด และยิ้ม ยิ้ม) เพราะ การใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่น
นั้น ขยันขันแข็ง และจริงจัง ทำให้ใบหน้าของท่านทั้งหลายเป็นใบหน้าที่จริงจังไปด้วย เวลา
นี้ทุกท่านได้มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งได้รับการขานนามว่า “สยามเมืองยิ้ม” จึงอยากให้ ท่านทั้งหลายยิ้มแย้ม แจ่มใส มีความสุขกับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ ประกอบกับนิสัย คนไทย เป็นคนง่าย ๆ สบาย สบาย อาจทำงานผิดพลาด ไม่รวดเร็วดั่งใจท่าน ก็ขออย่าได้โกรธเลย ขอแค่หงุดหงิดเล็กน้อยก็แล้วกันนะคะ ภาษาญี่ปุ่นมีสุภาษิตที่ว่า “ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส จะนำพาโชคลาภมาหา” ลืมสุภาษิตนี้ไปแล้วหรือเปล่าคะ การพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่าง ด้วยแรงกาย ด้วยสติปัญญาของตัวเองและประสบความสำเร็จเป็นเรื่องดี แต่เหนื่อยมากใช่มั๊ยคะ ลูกทัวร์ส่วนใหญ่ที่ดิฉันมองเห็นใบหน้าของพวกท่านแม้ในขณะนี้ มีหลายท่านที่ดูเหน็ด เหนื่อย จริง ๆ ถ้าเพียงแต่มีใบหน้า จากใจที่ยิ้มแย้ม แจ่มใส แล้วได้รับสิ่งดี ๆ อย่างโชคลาภ เป็นของแถม จะไม่เป็นการดีสองเท่า หรอกหรือคะ” แล้วตัวน้อย จะเดินแจกลูกอม พร้อมกับสอนภาษาไทย ในคำว่า ขอบคุณ ไม่เป็นไร ยินดี ไปด้วย แล้ว ก็อธิบายโปรแกรมทัวร์ และเรื่องราวการท่อง เที่ยว ไปเรื่อย ๆ แล้วแต่สถานที่ในแต่ละวัน
ในวันที่สองของการท่องเที่ยว ตัวน้อยหลังจากทักทายลูกทัวร์ในเรื่องเล็ก ๆ
น้อย ๆ แล้วก็จะเริ่มเปิดการสนทนาว่า
“ระหว่างการเดินทางนี้ เรามาออกกำลังกายกันสักหน่อยดีมั๊ยคะ สำหรับการออก
กำลังกายของร่างกายนั้น ท่านทั้งหลายคงทราบดีกันอยู่แล้ว ในเมื่อพวกท่านได้มาเป็นลูกทัวร์ของ ดิฉัน หลายท่านอาจสงสัยทำไมไกด์พูดแบบนี้ ก็เพราะว่า บริษัทของดิฉันมีไกด์ราวสาม สิบ กว่าคน แต่ทำไมเป็นทุกท่านที่มารวมกัน และเป็นดิฉันที่เป็นไกด์ดูแลพวกท่านเล่าค ะ (ทิ้ง คำถามไว้ให้สงสัยเล่น) วิธีออกกำลังของดิฉันคือ การออกกำลังบริหารสมอง และบริหารหัวใจ ด้วยคำถามนี้นะคะ
“ ใบหน้าที่สวยที่สุดคือใบหน้าแบบไหนคะ” ในการทำงานทุกทัวร์ก็จะได้รับคำ ตอบต่าง ๆ กันไป บางทีพบลูกทัวร์รู้ทัน จะตอบว่า “ ใบหน้ายิ้ม ยิ้ม” ตรงกับคำตอบในใจดิฉัน
เลยคะ แค่เพียงคุณยิ้มแย้มแจ่มใส คุณสามารถสวย ดูดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม หรือเสียเงิน เลยใช่มั๊ยคะ ต่อจากนี้ไป เรายิ้มให้บ่อย ๆ ขึ้นกันดีมั๊ยคะ คำถามต่อไปนะคะ
“ตาที่สวยที่สุด คือตาแบบไหนคะ” ลูกทัวร์จะตอบประมาณว่า ตาของเด็กทารก
ตาที่ใจดี ตาที่หัวเราะ ฯลฯ “ดีมากคะ คำตอบในใจของดิฉัน คือ ตาที่ตกหลุมรักคะ เพราะเวลา
ที่เราตกหลุมรักใคร เราจะมีแววตาทีเป็นประกายสวยสดใสเป็นพิเศษใช่มั๊ยคะ” คุณไม่เห็นตาของ
ไกด์สวยเป็นพิเศษบ้างหรือคะ (มีบางครั้งที่ลูกทัวร์จะตอบว่า ตาของไกด์ ใบหน้าของไกด์ รู้ทัน แบบนี้ เล่นเอาตัวน้อยเขินก็มีคะ) ใช่คะ ดิฉันกำลังตกหลุมรักอยู่ หกเดือนมานี้ ดิฉันตก หลุมรัก พระเยซูคะ จริง ๆ ดิฉันเป็นคริตสชน หนึ่งในไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ของคนในประเทศนี้ ซึ่งเป็น พุทธ ถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์ เป็นอิสลามสี่เปอร์เซนต์ เพราะด้วยงาน และอะไรอีกหลาย ๆ ทำให้ ดิฉันทิ้ง ห่างพระเจ้า และถูกเพราะเรียกกลับเมื่อปีที่แล้ว ดิฉันคืนดีกับพระเจ้า ด้วยการแก้
บาปรับศีล วันที่ 14 กุมภาพันธ์ปีนี้คะ วันนี้เป็นวันอะไรคะ ......ใช่คะ วันวาเลนไทน์ ตามธรรม
เนียมญี่ปุ่น ผู้หญิงจะให้ช็อกโกแลต กับคนที่รัก หรือชอบใช่มั๊ยคะ สำหรับธรรมเนียมของ ประเทศไทย ส่วนใหญ่จะให้ดอกกุหลาบกับคนที่รัก จากผู้หญิง หรือจากผู้ชายเป็นฝ่ายให้ ก็ได้คะ
และเมื่อดิฉันกลับมารัก และศรัทธาในพระเจ้าแล้ว พระบัญญัติ สำคัญที่ต้องยึดถือ และปฏิบัติ ก็คือ รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และ รักเพื่อนมนุษย์เหมือน รักตัวเอง ดังนั้นเมื่อดิฉัน รัก พระเจ้าแล้ว ดิฉันก็รักลูกทัวร์ของดิฉันทุกคนเป็นพิเศษด้วย และเมื่อเรารักใครเราจะอยากจะ ให้ สิ่งดี ๆ กับ เขาใชมั๊ยคะ ดังนั้นดิฉันจึงอยากให้ลูกทัวร์ทุกท่านได้รับประทานผลไม้ที่อร่อยที่ สุด มะม่วงเมื่อวานนี้อร่อยมั๊ยคะ อยากรับประทานอีกมั๊ยคะ ตกลงคะ ในมื้อสุดท้ายของวัน สุดท้าย ดิฉันจะเลี้ยงมะม่วงอีกครั้งหนึ่งคะ” ( ลูกทัวร์จะเฮ ดีใจ กันยกใหญ่) และเมื่อวาน ที่เราไปดู โชว์สาวประเภทสองกัน สนุกมากใช่มั๊ยคะ ที่นั่งแถวหนึ่งดีมั๊ยคะ (ลูกทัวร์ที่ไปดูก็จะ พยักหน้า กันหงึก ๆ) นี่ก็เป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อยๆ ที่ ถ้าเรารักใครสักคน เราก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับ เขาใช่มั๊ย
คำถามข้อต่อไปนะคะ “ใจ ที่สวยที่สุด คือใจแบบไหนคะ” ลูกทัวร์จะตอบ
ประมาณว่า ใจดีมีเมตตา ใจที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ใจที่จริงใจ ใจของพระพุทธเจ้า ฯลฯ “ดีมาก
คะ คำตอบในใจของดิฉันคือ ใจที่มีความสุขคะ ความสุขที่เกิดจากอะไรก็ได้ อย่างเช่น การที่
ได้ทานอะไรอร่อยๆ การที่ได้เห็นดอกไม้ ท้องฟ้า สวย ๆ การทำสิ่งดี ๆ ก็ทำให้มีความสุข แล้ว
ทุกท่านคะ ความสุขเริ่มต้นจากอะไรคะ ลูกทัวร์จะทำหน้าคิด ๆ ๆ คิดออกตอบไกด์ในใจบ้าง
คิดไม่ออกบ้าง
คำตอบของไกด์ก็คือ ความสุขเริ่มต้น จากใจ และ วิธีคิดคะ เพราะว่าไม่ว่าเรื่อง
อะไรก็ตาม ในเรื่องนั้น ๆ จะมีทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดีอยู่ด้วย เช่นว่า ในการท่องเที่ยวครั้งนี้
อาหารที่รับประทาน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบบุฟเฟ่ย์ใช่มั๊ยคะ ข้อดีของการรับประทานอาหารแบบ
บุฟเฟ่ย์ คืออะไรคะ ลูกทัวร์จะตอบประมาณว่า มีอาหารให้เลือกเยอะ ได้รับประทานในสิ่งที่
ชอบ รับประทานเท่าไหร่ก็ได้ มี เวลารับประทานได้สบาย ๆ ฯลฯ ดีมากคะ แล้วข้อเสียหล่ะคะ
ลูกทัวร์จะตอบประมาณว่า ต้องวุ่นวายเดินไปตักอาหาร รับประทานได้มากมายทำให้อ้วน ทำให้
เสียเวลา ฯลฯ
แล้วข้อดีของอาหารแบบเมนูที่กำหนดไว้หล่ะคะ ลูกทัวร์จะตอบประมาณว่า นั่ง
รับประทานสะดวก มีอาหารกำลังดี รับประทานพอสมควรไม่อ้วน ฯลฯ และข้อเสียหล่ะคะ ลูก
ทัวร์จะตอบประมาณว่า มีอาหารน้อย ต้องแบ่งกัน มีอาหารที่ไม่ชอบ ฯลฯ
เห็นมั๊ยคะ ในเรื่องหนึ่งเรื่อง มีทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่ถ้าเราให้ความสำคัญแต่กับ
ข้อเสีย นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ดี มันแย่ แย่ แย่ หัวใจของเราจะสะสมแต่ของแย่ ๆ ๆ ไม่ดี ๆ ทำให้ ความคิด หรือแม้แต่คำพูด หน้าตาก็จะไม่ดีตามไปด้วยใช่มั๊ยคะ การใช้ชีวิตอยู่ในโลก ในสังคม แน่นอน เราต้องมองทั้งข้อดี และข้อเสีย แต่ข้อเสียมองเสร็จก็วางไว้นอกใจ และให้ความสำคัญ กับข้อดี หัวใจหรือแม้แต่ชีวิตของเราจะมีความสุขมากขึ้น เรามาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันนะคะ
ข้อสุดท้ายแล้วคะ “ศีรษะแบบไหนคะ ที่สวยที่สุด” ลูกทัวร์ก็จะตอบประมาณว่า
ศีรษะของอิกคิวซัง หัวล้าน ฯลฯ คำตอบของไกด์นะคะ “ศีรษะที่เพิ่งสระผมคะ” ลูกทัวร์จะ หัวเราะ เวลาที่พวกคุณหัวเราะกัน ตาของพวกคุณสวยเป็นพิเศษเลยคะ อยากทำให้พวกคุณหัวเราะทั้งวันเลยคะ แต่ถ้าเป็นคำตอบที่คิดให้ลึกซึ้งสักหน่อยนะคะ ก็คือ คิดดี ทำดี พูดดีคะ
ขอบคุณมากคะที่เหน็ดเหนื่อยออกกำลังด้วยกันเช้านี้” ส่วนใหญ่ ลูกทัวร์จะปรบ มือให้ แล้วตัวน้อย ก็จะเข้าเนื้อหาการท่องเที่ยว และก็แทรกกการคุยถึงพระเจ้าเป็นระยะ ๆ
วันที่สามของการท่องเที่ยว ตัวน้อยก็จะทักทายลูกทัวร์นอนหลับสบายมั๊ย บาง คนก็บอกว่า นอนไม่ค่อยหลับ เพราะตื่นตา ตื่นใจ กับการดูโชว์สาวประเภทสอง เมื่อคืนก่อน
ตัวน้อย ก็บอกว่า ตัวน้อย ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ลูกทัวร์ทำหน้าสงสัย จึงตอบว่า เมื่อคืนเสร็จงาน กลับบ้านอาบน้ำ สวดภาวนา กว่าจะได้นอนก็ห้าทุ่มกว่า นอนไปนอนมาถึงตีหนึ่ง กว่า ก็ยังไม่หลับ ตัวน้อยเลยลุกขึ้นมาสวดภาวนาเหมือนทุกวัน วันทำงานจะสวดเฉพาะบทสวดหลัก กว่าจะสวดจบก็ใช้เวลาก็เกือบชั่วโมง ถ้าสวดครบทุกบทจะเกือบสองชั่วโมงในวันหยุด ตีสองแล้ว ตัวน้อยลองนอนต่อ ก็นอนไม่หลับ เลยลุกขึ้นมาเขียนเรื่องที่สิบเอ็ด เสร็จตอนตีห้า นอนได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว ตัวน้อยก็ต้องตื่นอาบน้ำ เตรียมตัวไปทำงาน ลูกทัวร์รับฟัง และคงสงสารหรืออาจ จะทึ่งเล็กน้อย
พอออกเดินทางตัวน้อยเริ่มสนทนา ด้วยว่า “วันนี้เราใช้เวลาเดินทางเกือบชั่วโมง ครึ่ง เพื่อไปท่องเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา และตลาดร่มหุบที่ จ.สมุทรสงคราม เรามาออกกำลังหัวใจ
และสมอง กันอีกนะคะ ขอคำตอบจากคำถามนี้นะคะ
เพื่อให้เป็นการท่องเที่ยวที่สนุกสนาม เพลิดเพลินใจ มีอะไรบ้างคะ ที่เป็นสิ่งสำ
คัญ ที่เป็นสิ่งจำเป็น ลูกทัวร์จะตอบประมาณว่า อากาศที่ดี สุขภาพ ที่แข็งแรง การเดินทาง ปลอดภัย อาหารอร่อย มีเงินใช้ สัมพันธภาพที่ดีระหว่างกัน คำตอบที่ตัวน้อยรอ หรือไม่ ก็ตอบ เองก็คือ หัวใจของลูกทัวร์เอง เพราะถ้าเป็นหัวใจที่เฉยชา การท่องเที่ยว ก็คงเป็นอะไรที่งั้น ๆ ไม่รู้สึกยินดี หรืออะไรเลย แต่ถ้าเป็นหัวใจที่มีความสุข ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ ก็ยัง
มีความสุข ความยินดี ดังนั้น ความสุขเริ่มต้นจากอะไรคะ ใช่คะ หัวใจ และวิธีการการคิด
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ ถ้าเป็นไกด์ที่น่ากลัว ถ้าเป็นไกด์ที่จู้จี้ขี้บ่น การท่อง
เที่ยวจะเป็นอย่างไรคะ ลูกทัวร์จะพยักหน้าหยึก ๆ แบบอื่อ เห็นด้วย ตัวน้อย จะคุยต่อ “เมื่อดิฉันเรียนจบ และเป็นไกด์ใหม่ ๆ จะทำลูกทัวร์จำนวนน้อย ด้วยนิสัย เป็นคนเรียบร้อย ขยันขันแข็ง สุภาพ ใจดี เวลาที่อธิบายอะไรให้ลูกทัวร์ฟัง ลูกทัวร์ฟังด้วย ความเรียบร้อยสุภาพ เช่นกัน เวลาลูกทัวร์ทำใบประเมินผลจะเขียนว่า สนุก (แบบเรียบ ๆ ) ดี (แบบสบาย ๆ)
ลูกทัวร์จะหัวเราะแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ตัวน้อยจะคุยต่อว่า ที่เห็นดิฉันเป็น แบบนี้น่ะ คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นครั้งที่สามแล้ว เปลี่ยนอย่างไร อยากทราบ มั๊ยคะ
ตัวน้อยจะให้ลูกทัวร์ดูรูปสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ใส่แว่นหนา ๆ ตัดผม หน้าม้า ผมสั้น หน้าบึ่งตึง ด้วยความเป็นเด็กเรียน (ก็ไม่เท่าไหร่หรอกคะ แค่เกียรตินิยม เหรียญทอง) กับรูปที่ทำงานไกด์แล้ว ตัวน้อยทำเลซิค ไม่ต้องใส่แว่น ดัดผม แต่งตัวตามสมัย ยิ้มน่ารัก ลูกทัวร์ได้ดูเปรียบเทียบจะทึ่งในความเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไป มากจริง ๆ
แล้วตัวน้อยคุยต่อว่า “ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เพื่อนก็เป็นเด็กเรียน พอมาเป็นไกด์ มีแต่เพื่อนสวย ๆ ดิฉันเลยได้รับการแปลงโฉมทั้งภายนอก และภายใน ภายในนั้นคือจากที่ เรียบร้อย สุภาพ จะนำเที่ยวด้วยความสนุกสดใสมากขึ้น พยายามทำให้ลูกทัวร์ ยิ้ม หัวเราะ มากขึ้น แบบนี้ไงคะ ( แล้วก็จะทำอะไรตลก ๆ ให้ลูกทัวร์ ยิ้ม หัวเราะกัน)และเมื่อห้า หกเดือน ที่ผ่านมาดิฉันก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ครั้งนี้เปลี่ยนที่หัวใจ เป็นหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความ รักพระเจ้า และรักทุกคนให้มากขึ้น อยากจะให้สิ่งดีๆ กับทุกคนเท่าที่มีโอกาส และสามารถ ทำได้ แล้วก็ได้รับความรู้สึกดี ๆ ความรัก ตอบแทนกลับมามากมาย ทราบกันหรือเปล่าคะ จาก วันแรกที่พบกัน จนวันที่สาม สายตาของพวกคุณเปลี่ยนไป ดิฉันเห็นถึงความสุข ความใจ ดี ความรักในแววตาของทุกคนที่มองมาที่ดิฉันมากขึ้น ขอบคุณนะคะ ดิฉันมีความสุขจริง ๆ
เอาหล่ะ การบริหารสมองและหัวใจจบเสียที เรามาคุยเรื่องการท่องเที่ยวกันนะคะ
แล้วตัวน้อยจะอธิบายเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว และแทรก เรื่องของพระเจ้าทีละนิด ทีละน้อย ตัวน้อย ต้องคอยเตือนตัวเอง “ อย่าเยอะ ๆ เดี๋ยวแขกรับไม่ไหว โดน complain แย่เลย” เพราะตั้งแต่ ตัวน้อยกลับมาจากแสวงบุญที่เวียดนาม 10 มค . 54 ก็เริ่มแผ่ธรรม ด้วยการคุย ถึงพระเจ้า เคยมีลูกทัวร์มาเตือน ว่า บางคนอาจจะไม่ชอบนะ ครั้งที่สอง ตัวน้อย ถูก เขียน ในใบประเมินผล เจ้านายเรียกเตือน แต่ไม่ได้ว่าอะไร เพราะลูกทัวร์เขียน แล้วก็ขีดฆ่าทิ้ง แสดงว่าคงไม่อยากทำให้ตัวน้อยเดือดร้อน ด้วยความรักและเอ็นดูนั่นเอง ครั้งที่สาม ลูกทัวร์มา พูดเตือน เพราะตัวน้อย ร้องเพลงที่แต่ง “เพียงว่าคนทั้งโลกรักกัน” ซึ่งได้แรงบันดาล จาก การไปดูพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่สอง ที่นางาซากิ แล้วปรากฏว่า ลูกทัวร์สามสิบสองคน ตาฉ่ำด้วยน้ำตาคลอ ตัวน้อยตกใจมากเลย “โอ๊ย ตายแล้ว ฉันทำแขกร้องไห้ พระเจ้าข้า ทำอย่างไรดี ๆ” พอสักพัก ตัวน้อยก็คุยเรื่องสนุก ๆ ลูกทัวร์หัวเราะกันสนุกสนาน แต่ ตอนกลางวัน มีลูกทัวร์มาคุยด้วยว่า “เพลงของคุณ เป็นเพลงที่ดี แต่ในโลกของธุรกิจ ยังต้อง แข่งขัน ทำลายคู่แข่งกันอยู่ จะให้ขับผี ออกจากใจ คงยาก คุณอาจถูก complain บริษัทคุณอาจ ถูกปิดได้นะ” ได้ยินแบบนี้ตัวน้อย ช็อคเลย……ระหว่างทางขากลับจาก กาญจนบุรี ก็อดคุยเรื่อง พระเจ้าไม่ได้อีก ลูกทัวร์ทำหน้าอึ่งกันหมด ตัวน้อยเอาอีกแล้ว จะโดน complain อีกมั๊ยนี่ พอมีเวลาปุ๊ป ตัวน้อย โทรหานายชุมพาบาลที่สาม เลย พอได้คุย เล่าให้คุณพ่อฟัง คุณพ่อ สอนว่า “ก็ให้เราพูดขอบคุณลูกทัวร์ก่อน แล้วขอโทษ ถ้าหากเราพูดอะไรที่ผิดหู ไม่สมควรออก ไป” ระหว่างทางที่ไปสนามบิน ตัวน้อยทำตามที่ คุณพ่อสอน ปรากฏว่า ตอนลากันที่สนาม บิน ลูกทัวร์ แต่ละกรุ๊ป มาขอถ่ายรูปที่ระลึกกับตัวน้อยหมดเลย โล่งอกไปที ขอบคุณพระเจ้า และ คุณพ่อ จากทั้งหมดของหัวใจ จริงๆ คะ
พอวันสุดท้าย ลูกทัวร์ได้ทักทายว่า “ไกด์ นอนหลับสบายมั๊ยคะ”ตัวน้อย ตอบว่า “หลับสนิทตั้งแต่สี่ทุ่มถึงห้าโมงช้าเลยคะ พอตื่นมาคิดว่า จะสวดภาวนาที่บ้าน หรือไป มิสซาเช้าวันอาทิตย์ดี เพราะเมื่อคืน กลัวว่าจะตื่นไม่ไหว จึงไปวัดวันเสาร์แท แล้ว คิดไป คิดมา สวดครึ่งชั่วโมง อาบน้ำ แต่งตัวไปวัด แล้วมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นทำให้ ดิฉันมี ความสุข มากเป็นพิเศษเลยคะ”
แล้ว ตัวน้อย เล่าให้ลูกทัวร์ฟังว่า “เมื่อเช้านะคะ ตอนที่จะไปวัด ฝนตกพร่ำ ๆ ดิฉันถือร่มไป ก่อนที่วัดจะเข้าพอมีเวลา เพราะหลังจากวันนี้ส่งพวกคุณกลับญี่ปุ่นแล้ว ดิฉันได้ หยุดสี่วัน เลยคิดว่าจะไปซื้อของที่ตลาด เตรียมไว้รับประทานสำหรับวันหยุด ระหว่างเดินไปตลาด นั้น ดิฉันเห็น คุณตาขอทานนั่งขอทานอยู่ประจำที่เดิม ดิฉันเห็นแกพนมมือ มองขึ้นฟ้า คงขอพรอะไรสักอย่างจากสิ่งศั กดิ์สิทธิ์ พอดิฉันซื้อของเสร็จ เดินผ่านคุณตาขอทาน ดิฉันให้ เงินคุณตาไปยี่สิบบาท ดิฉันเป็นคนออกจะงก ๆ นิดหน่อย ปกติจะให้ประมาณห้าถึงสิบบาท แต่เมื่อวันแรกที่เราไปติดฝนที่อยุธยากัน มีคุณตาตาบอดตาใสขายตั๊กแตนใบไม้มาหลบฝนด้วย จำได้มั๊ยคะ ดิฉันรู้สึกเสียใจมากเลยที่ไม่ได้ให้เงินแก ถ้าแกขอดิฉันคงให้แน่นอน แต่แกไม่ขอ ไม่ได้มาขายของให้ วันนี้ฉันก็เลยให้คุณตาขอทานไปยี่สิบบาท และให้ร่มแกไปด้วย เพราะ คิดว่า คนแก่ ถ้าไม่สบายคงจะลำบาก แต่ถ้าดิฉันไม่สบาย ดิฉันมีเวลาป่วยตั้งสี่วันระหว่างหยุดงาน แล้ว ดิฉัน วิ่งเข้าวัด
พอรับศีลเสร็จแล้ว ดิฉันออกจากวัด (แม้ใจอยากรับพระพรก่อน แต่เดี๋ยวไปทำงาน
ไม่ทัน) ฝนยังตกอยู่ก็วิ่งกลับบ้าน ผ่านร้านลูกชิ้นปิ้งที่อร่อยมาก โดยเฉพาะน้ำจิ้ม แต่ดิฉันไม่ซื้อ
เพราะไม่ชอบคนขาย แม้จริง ๆ เห็นกันมาแต่เด็ก แต่ไม่ได้เล่นด้วยกัน งานกิจการหนึ่งของพล
มารีย์คือ ไปเยี่ยมคนป่วย ตามคุณพ่อไปส่งศีล ปรากฏว่าคนหนึ่งที่ไปเยี่ยมคือแม่ของคนขายที่ ดิฉันไม่ชอบ สองครั้งที่ได้ไปเยี่ยม ดิฉันจะเห็นแม่ของเขาน้ำตาไหล คงมีความในใจอะไรบาง อย่างกับพระเจ้า พอมาวันนี้ ดิฉันวิ่ง และหยุดกึกที่ร้านเขา แล้วซื้อ เขาทำหน้าแปลกใจนิดหน่อย แต่ขอบคุณด้วยสีหน้าที่ดีใจ ดิฉันได้ทำกิจการดี ๆ แต่เช้าก็เลยรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษน่ะคะ” ลูก
ทัวร์ได้ฟังตัวน้อยเล่า ดูเหมือนจะพลอยมีความสุขไปด้วย
และอีกวิธีในการแผ่ธรรมที่ลงตัว และเยี่ยมมาก คือ บทพระเมตตาตอนบ่ายสามโมง
ตัวน้อยถามลูกทัวร์ว่า “ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ลูกทัวร์ตอบ “อีกห้านาทีสาม โมง”
ตัวน้อยพูดว่า “เวลาบ่ายสามโมงเป็นเวลาที่สำคัญ และพิเศษมาก ๆ เพราะเป็นเวลา ที่ พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน และเป็นช่วงเวลาที่ ใครที่ขอพร พระองค์จะสดับฟัง และไม่ ปฏิเสธ แต่ก็เหมือนกับหัวใจของผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ ถ้าลูกขออะไรที่เป็นอันตราย ที่ไม่ดีพอหรือ ยังไม่ถึง เวลา พ่อแม่จะยัง ไม่ให้ แต่จะเตรียมสิ่งที่ดีกว่า และดีที่สุดให้กับลูกเสมอใช่มั๊ย คะ พระเจ้า ก็เช่นกัน
ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไรหรือไม่ก็ตาม แต่การที่คุณได้มารวมกัน และมีดิฉัน
เป็นไกด์ นั่นหมายความว่า คุณถูกเรียก คุณถูกเลือก คุณได้รับการเชิญให้รู้จักกับพระเจ้า วันนี้
คุณอาจไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร พระเจ้าทรงใจดียิ่งนัก ให้อิสระกับคุณ ที่จะเลือกพระองค์หรือไม่
คุณมีอะไรที่คุณอยากจะขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างมั๊ยคะ อย่างเช่นสุขภาพ การงาน หรือ
แม้แต่เหมือนดิฉันว่า ถ้าตายไป ขอให้ได้ขึ้นสวรรค์ ลองสวดภาวนาวิงวอนกันมั๊ยคะ ดิฉันจะสวด
เป็นภาษาไทย พอจบคุณอธิษฐานขอพรนะคะ ปรากฏว่า ลูกทัวร์พนมมือขอพรกันหมด (น่าดีใจจัง)
แล้วตัวน้อยพูดต่อว่า “พรสำหรับวันนี้ ดิฉันขอให้พระเยซูได้โปรดประทานตามที่ ทุกท่านขอ และขอให้พระองค์ปกป้อง คุ้มครอง และสำแดงความรัก และพระเมตตาให้คุณได้ สัมผัส แล้วจะได้รู้ เหมือนกับที่ดิฉันได้รู้ว่า การที่ได้อยู่ในความรัก และพระเมตตาของพระเจ้า
มีความสุขเพียงใด ดิฉันคิดว่า หลังจากนี้ พระเจ้าจะทำงานในชีวิตพวกท่าน สำหรับดิฉัน หลังจาก
ที่ถูกเรียกกลับ กว่าจะคืนดีกับพระเจ้าก็ตั้งเกือบปี” ลูกทัวร์ฟัง และตัวน้อยได้ยินคำว่าขอบ คุณเบา ๆ จากลูกทัวร์ (รู้สึกดีใจจังเลยคะ)
และในระหว่างทางเดินทางไปสนามบิน ตัวน้อยจะเปิดโอกาสให้ลูกทัวร์ถามคำถาม ที่ยังคาใจ ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย หรือตัวน้อยเอง
คำถามประจำทุกทัวร์ คือ ไกด์อายุเท่าไหร่ ที่สำคัญคือ ไกด์แต่งงานหรือยัง แทนคำ
ตอบนี้ ตัวน้อยยกนิ้วนางข้างซ้ายให้ดู และก็บอกกับลูกทัวร์ว่า “ดิฉันใส่แหวนนิ้วนางข้างซ้าย เพื่อ แล้วก็ชี้นิ้วไปข้างบน ( นั่นหมายความว่า ตัวน้อยใส่เพื่อพระเยซูเจ้า จริงๆแล้วเรื่องแหวนนิ้ว นางข้างซ้าย เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรแมนติกมาก ๆ สำหรับความรักของพระเจ้ากับ ตัวน้อย แต่ยังลัง เล ที่จะแบ่งปัน ถ้าใครอยากให้เล่า ส่งเมล์มาขอหน่อยนะคะ)
คำถามต่อไปคือ ไกด์มีลูกมั๊ย ตัวน้อยจะตอบว่า “ถ้าเป็นคำตอบในปัจจุบัน
นี้ ขอตอบว่า มีเยอะแยะเลยคะ เมื่อวันแม่ของไทย ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนม์ พรรษา ของสมเด็จพระบรมราชินี ฯ ดิฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยม และทำบุญกับเด็กกำพร้า สนุก และมี
ความสุขมากเลยคะ และก็คิดว่า ถ้ามีเวลา มีโอกาส ก็จะพยายามทำให้มากขึ้น และคงทำ ต่อไปเรื่อย ๆ
อีกสิบนาทีสุดท้ายก่อนถึงสนามบิน มีอย่างน้อยสามสิ่งที่ดิฉันอยากให้คุณนำกลับไป
ญี่ปุ่นด้วย คืออะไรบ้างคะ ลูกทัวร์คราวนี้ตอบถูก หนึ่ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เพราะ สุภาษิตญี่ปุ่นก็มีกล่าวไว้ว่า ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จะนำมาซึ่งโชค ลาภ สองคืออะไรคะ ลูกทัวร์อึ่ง ตัวน้อย จึงตอบว่า หัวใจ และ วิธีความคิดที่มีความสุขไงคะ แล้วข้อสามหล่ะคะ ลูกทัวร์ คนหนึ่งตอบ ความรัก ตัวน้อย บอก เยี่ยมมากเลยคะ และอีกสิ่งหนึ่งนะคะ วันใดที่มีเรื่องทุกข์ใจ จะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ขอให้คิดถึงพระเยซูด้วยนะคะ พระองค์ รักพวกเรามาก และใจดี
มาก ๆ ด้วยคะ” .......
และที่ทำให้ตัวน้อยฉงนใจอย่างยิ่ง คือก่อนลากันในสนามบิน มีลูกทัวร์ คน หนึ่งถาม ตัวน้อยว่า คุณศรัทธาในพระแม่มารีย์ด้วยหรือเปล่า เล่นเอาตัวน้อย อึ้งไปเลย เพราะ จริง ๆ แล้ว ตัวน้อยถูกเรียกกลับโดยพระเยซู ตัวน้อยก็รักพระเยซู แล้วปลายเดือน พฤกภาคม ตัดสินใจว่า ยังไม่เข้าเรียนแสงธรรมเพื่อเป็นครูคำสอน จึงลองเข้าประชุมพลมารีย์ เพราะ เคยรู้จักตั้งแต่สมัยเป็น นักเรียน และลูกแกะพี่เลี้ยงคนที่สามที่พระเจ้าประทาน ตอนไปอบรมพระ คัมภรี์ที่บ้านผู้หว่าน เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่คุณพ่อโทรมาบอก และได้ไปคนเดียว พี่เขาเข้า คุยมาด้วย และคอยดูแล จากนั้น โทรมาชวนไปฉลองพระโต ซึ่งปกติ ก่อนกลับใจ ลูกแกะตัว ดำ ๆ มีเขาและมีหาง จะไม่ยอมไปมิสซา ฉลองอันใดเลย เพราะมิสซาจะยาว แต่เมื่อ พระเจ้า เรียกกลับแล้ว ไม่อยากขัดศรัทธาก็เลยไป
และต่อมาตัวน้อยได้เข้าพลมารีย์เปซิเดียมของพี่เขา พี่เขาเป็นแบบอย่างที่ดีมากทีเดียว และการที่ได้เข้าเป็นพลมารีย์ ทำให้ได้รู้จัก ได้อ่านเรื่องราวของแม่พระมากขึ้น ตอนอ่านหนังสือ “แม่รักลูก เล่ม1” ตัวน้อยอ่านไป ร้องไห้ไป ด้วยความซาบซึ้ง ในความรักของพระแม่ที่มีต่อลูก ๆ ทุกคน คำลงท้ายสารจากพระแม่ คือ จากแม่ผู้รักลูกสุดหัวใจ ตัวน้อยอ่านน้ำตาซึมเลยคะ รู้สึกเสียใจ ที่ตัวเองไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยศรัทธาต่อพระแม่ จึงสวดขอให้พระแม่สำแดงประจักษ์ความรัก และพระเมตตา ขอให้ตัวน้องรัก ศรัทธาในพระแม่มากขึ้นในทุก ๆ วัน
ตัวน้อยเจอคำถามจากลูกทัวร์ ว่าศรัทธาในแม่พระมั๊ย เล่นเอาอึ้งไปนิด แปลกใจ ที่ลูกทัวร์รู้จัก แค่พูดถึงพระเจ้า ก็เกือบโดน complain จะแย่อยู่แล้ว ถ้าให้พูดถึงพระแม่อีกองค์ คิดผลลัพธ์ไม่ออกเลยคะ เอาเป็นว่าตัวน้อยจะพยายามเป็นภาพลักษณ์ของพระแม่ ในความสุภาพ อ่อน น้อม ถ่อมตนแทนก็แล้วกัน เพราะหัวใจของตัวน้อยนั้นพยายามเลียนแบบความรัก แล ะ เมตตา องพระเยซูเช่นกัน แต่ตัวน้อยยังอ่อนแอ โง่เขลา เผลออวดดีอยู่บ่อย ๆ ตัวน้อยต้องสวด ภาวนา ต่อไป และขอพระแม่โปรด สั่งสอน ตักเตือน ตกแต่งกาย ใจ และวิญญาณของตัวน้อย ตัวน้อยจะ ได้เป็นลูกแกะตัวน้อยที่สบพระทัยพระเจ้า
ทุกคนก็ต้องหมั่นสวดภาวนาเช่นกันนะคะ เรามาสวดภาวนาให้กันและกันทุกวัน ทุกคืน เลยดีมั๊ยคะ
จงยำเกรงพระเจ้า และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ เพราะนี่แหละเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทั้งปวง ปัญญาจารย์ 12:13
ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า และเงินทองพร้อมกันไม่ได้ ลูกา 16:13
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงฟังความปรารถนาของคนอ่อนโยน สุภาพ จะทรงเสริมกำลังใจเขา และพระองค์จะเงี่ยพระกรรณฟังถ้อยคำของเขา สดุดี 10:17
Good night and God bless you, ka.
ลูกแกะตัวน้อย.
29 ธค. 54 ส่งเมล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น