วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่ 4: ความหวาดกลัว

สวัสดีคะ  ผู้อ่านที่รัก  ขอเชิญอ่าน    เรื่องที่   4   ความหวาดกลัว

                                    การให้ย่อมเป็นสุขกว่าการรับ  (กิจการของอัครฑูต. 20:35)

                ในช่วงที่ตัวน้อยเข้าเงียบที่สวนเจ็ดริน  เป็นเวลาเจ็ดคืนแปดวัน  (9-16 มิย. 54)ในหอพัก หญิงมีชาวสิงค์โปร์  มาเลเซีย จีน รวมตัวน้อยก็เป็นสี่คน  แต่แล้วในคืนที่หก  ทั้งตึกเหลือตัวน้อย คนเดียว   ตัวน้อยกลัว...  กลัวมาก...  แม้จะรู้ว่า พระเจ้าอยู่กับตัวน้อย  แต่ยังรู้สึกกลัวอยู่ดี  เลร้องเพลงว่า
                                จงอย่ากังวลใจ             จงอย่าได้กลัวเลย                               
                                  ผู้วางใจพระเจ้า             ไม่ขาดสิ่งใด ๆ
                                  จงอย่ากังวลใจ               จงอย่าได้กลัวเลย
                                   เพียงพระเจ้าเพียงพอ
                                                                                                                           ตัวน้อยร้องเพลงปลอบใจ  ให้กำลังใจตัวเอง  ร้องไป ร้องมาอยู่หลายเที่ยว  แต่ยังหวั่นใ
อยู่ดี  ข้าแต่พระเจ้าข้า  ลูกขอโทษที่ลูกยังอ่อนแอ  ยังหวั่นไหว  ยังขลาดเขลา  ยังหวาดกลัว  ขอให้ ลูกได้สัมผัสความรัก  และพระเมตตาของพระองค์ทุกวันเวลา ทั้ง บนแผ่นดิน  และในสวรรค์”  ตัวน้อยสวดแบบนี้บ่อย ๆ  ทุกวัน

                พอเช้าวันที่เจ็ด  ตัวน้อยตื่นแล้วสวด    เจ็ดโมงไปรับประทานอาหารเช้ในห้อง อาหารไม่มีใครเลย  มีตัวน้อยคนเดียว  มันโดดเดี่ยว  เงียบเหงา  เปล่าเปลี่ยว อย่างไร บอกไม่ถูก
คงเป็นเพราะไม่ใช่ที่บ้านที่คุ้นเคย  ตัวน้อยรู้สึกเหมือนถูกทิ้ง  ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว  ตัวน้อย น้ำตาไหลริน

                ความรู้สึกเหมือนตอนวันวาเลนไทน์ปีนี้ที่ตัวน้อยได้แก้บาป รับศีล  นายชุมพาบาลที่หนึ่ง
ได้ให้หนังสือ ไบเบิ้ลไดอารี่  รูป บทสวด และสายประคำพระเมตตา  หนังสือที่คุณพ่อเขียน  ซีดี เพลง  และพาไปซื้อของที่ศาสนภัณฑ์  คุณพ่อได้แนะนำให้ซื้อ  พระคริสตธรรมคัมภีร์ ( ตัวน้อยอ่านจบทั้งเล่มแล้ว  .... จำไม่ค่อยได้  และไม่ค่อยเข้าใจเป็นส่วนใหญ่   มีบางส่วน....เล็กน้อยที่จารึกจดจำไว้ในหัวใจ  ตอนลี้ภัยน้ำท่วมไปหัวหิน  หนึ่งเดือน  รออ่านเรื่องที่ยี่สิบเก้านะคะ  ที่เขียนเหมือนอวด  แต่จริง ๆ แล้ว เพื่อขอเป็นแบบอย่าง  เพราะ ใจจริง  อยากให้ทุกคนได้อ่าน  อย่างน้อยอ่านไบเบิ้ล  ไดอารี่ทุกวันน่ะคะ)     และพระ คัมภีร์ ภาคพันธสัญญาเดิม  สารบบที่สอง

                พันธกิจของนายชุมพาบาลได้พาลูกแกะหลงทางกลับบ้านเสร็จแล้ว  นายชุมพาบาล...หายไปจาชีวิตของลูกแกะตัวแดง ๆ

             ตัวน้อยรู้สึกเหมือนเป็นลูกหมาถูกโยนลงในสระว่ายน้ำ  ทั้ง ๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น  ต้อง ตะเกียกตะกาย  เพื่อความอยู่รอด  แม้ว่า  ตอนเป็นเด็ก  ตัวน้อยเคยเรียนว่ายน้ำ แบบฟรีสไตล์  แต่ว่ายไม่ได้  เพราะหายใจไม่เป็น  น้ำเข้าเต็มปากทุกที  พอมาเดี๋ยวนี้  ตัวน้อยพอว่าย แบบ กรรเชียงได้  แต่ตัวน้อยว่าย ท่าลูกหมาตกน้ำไม่เป็นอยู่ดี

                ที่ห้องอาหารของสวนเจ็ดริน  ตัวน้อยนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่คนเดียว  ได้คุยกับ พระเยซูว่า  พระเยซูเจ้าข้า  ลูกไม่ชอบอยู่คนเดียว  ลูกไม่ชอบถูกทิ้ง........”  น้ำตาไหลริน ( จริง ๆ แล้ว  นายชุมพาบาลที่หนึ่งไม่ได้ทิ้งลูกแกะตัวแดง ๆ ไปจริง ๆ เพียงแต่  คุณพ่อคงต้องการให้ พระเจ้า ทรงทำงาน  และให้ความรักของพระองค์เติบโตในหัวใจของลูกแกะตัวแดง ๆ  และ ท่านเองก็มี ลูกแกะอีกมากมายที่ต้องดูแลเช่นกัน)

                และอีกไม่นานนัก  มีผู้เข้าเงียบผู้ชายที่มากจากสิงค์โปร์เดินเข้ามา  ตัวน้อยรีบเช็ดน้ำตา  เรายิ้มทักทายกัน  (เพราะอยู่ระหว่างเข้าเงียบ  เราเลยไม่พูดกัน)  ขอบคุณมากคะ พระเจ้าข้า พระองค์ ส่งเพื่อนมาให้ตัวน้อยแล้ว...

                พอตอนเที่ยง ๆ ตัวน้อยได้รับการติดต่อจากพี่สาวคนโต(ลูกแกะพี่เลี้ยงที่หนึ่ง) ว่า  ขโมยเข้า บ้าน  ตัวน้อยตกใจ   ขวัญเสีย    แทบสติแตก 

                ตอนบ่ายโมงถึงสองโมง  ตัวน้อยเข้าไปอยู่ในวัดน้อยอ่านพระคัมภรี์ตอนสุดท้ายก่อนเข้า แบ่งปันกับนายชุมพาบาลที่สาม    (ทุกวันคุณพ่อจะให้พระคัมภีร์ 5-6 ตอน  เพื่อใช้ในการรำพึง
ภาวนา)
               
                หลังจากอ่านพระคัมภีร์ซ้ำหลาย ๆ เที่ยวเสร็จแล้ว  ตัวน้อยรำพึงคุยกับพระเยซูเจ้ด้วยน้ำตานองหน้าว่า

ข้าแต่พระเยซูเจ้า  นี่คือ  กางเขนแรกของการทดลองใจลูกใช่มั๊ย ถ้าเป็นก่อนที่ลูก จะกลับ ใจ  ลูกคงทิ้งห่างพระองค์เหมือนที่เคยทิ้ง  แต่ในตอนนี้  พระองค์ทำให้ลูกรักพระองค์แล้ว  ไม่ว่า อย่างไร  ลูกจะไม่ทิ้งห่างพระองค์ไปอีก  ลูกจะอภัยให้ขโมยเหมือนที่พระองค์ ทรงอภัยบาปให้กับ ลูก   และพระวาจาที่พระองค์เพิ่งสอนระหว่างการเข้าเงียบนี้  ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ทรัพย์สินของลูก ก็มา จากพระองค์  เป็นของพระองค์   ถ้าพระองค์ต้องการเอากลับคืนโดยเฉพาเพื่อ ช่วยเหลือ คนที่ ลำบากยากไร้  ขโมยเขาคงลำบากอยู่  เขาถึงได้ทำแบบนี้  ลูกยินดีถวายคืนแด่พระองค์  แม้จะใจหายไปบ้างก็ตาม  ลูกขอสวดภาวนาให้เขา นำเงินของลูกไปใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่  และอย่าทำบาป อีกเลย อาแมน”

                แล้วตัวน้อยร้องเพลง   พระจิตเจ้า   ที่ตัวน้อยเพิ่งแต่งเสร็จเมื่อวาน โดเฉพาะในท่อนสุด
ท้าย  วนไปวนมา  ด้วยน้ำเสียงสั่นสะอื้น   เพราะร่ำไห้ ด้วยความขวัญเสีย

                                          “ฉันสัมผัสสายลม                     พรมกอดเย็นถึงใจ
                                            เสียงนกร้องแว่วมา                  พาใจให้เบิกบาน
                                            ฉันอบอุ่นด้วยรัก                     สุขนักมากจนล้นใจ
                                            พระจิตเป็นแสงนำไป              สู่พระราชัยสวรรค์
                                            ถ้าฉันขาดพระองค์                   ฉันคงหลงเดินผิดไป
                                           โปรดหลั่งพระพรนานา            ทั้งปัญญาแห่งปรีชาญาณ
                                           ขอพระองค์ทรงบรรเทา           ปัดเป่า ความทุกข์ในใจ
                                           ขอพระองค์ทรงรักษา               เยียวยา  ลูกให้มั่นคง”

                และ นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมง  ตัวน้อย  ต้องเข้าแบ่งปันกับนายชุมพาบาลที่สาม
ตัวน้อยเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้คุณพ่อฟัง  คุณพ่อกรุณา... ปลอบ...และ คุยกันราวสามชั่วโมง

                ดังนั้น นายชุมพาบาลที่สามจึงเป็นคนที่อยู่กับตัวน้อย  รับรู้  ถึงช่วงเวลาที่อ่อนแอ  และ เป็นทุกข์ที่สุดในชีวิต เพราะที่ผ่านมา  พระเจ้าทรงเลี้ยงดู  โอบอุ้ม  ตามใจตัวน้อยเหลือเกิน   แม้ไม่ ได้อยู่ในครอบครัวที่รวยมาก  แต่ไม่ได้ลำบากมาก  ชีวิตเหมือนไข่ในหิน เดินบนกลีบกุหลาบ อยากได้อะไรก็ได้ราวกับราชรถมาเกย  (อะไรจะขนาดนั้น  คิดกันแบบนี้หรือเปล่าคะ  ถ้าเช่นนั้นขออนุญาติยกตัวอย่าง เช่น   อยากเปลี่ยนรถ  ตัวน้อยแค่บอกพี่เขยว่า  เอารถอะไร  สีอะไร  จ่ายเงิน  รถส่งถึงบ้านแม่  แล้วก็แลกรถกัน  เพราะพี่สาวคนโตขอซื้อต่อ   อยากได้กีตาร์  นายชุมพาบาลทที่หนึ่งกรุณาเลือกให้  นำมาจากเชียงราย  เอามาส่งให้ที่กรุงเทพ  เมื่อคุณพ่อมาเข้าเงียบ   อยากได้รั้ว
หน้าต่างเหล็กดัด   เพื่อนพี่ชายคนเล็กอยู่ข้างบ้าน  ติดต่อร้านให้มาคุยถึงบ้าน  อยากให้นายชุมพาบาลที่สามกรุณาเสกรถใหม่ให้  คุณพ่อไปทำธุระที่เชียงใหม่  ได้น้องชายคุณพ่อที่ได้พบตั้งแต่ไปเยี่ยมเด็กพม่าที่วัดนักบุญอันนา   คุณพ่อมาทำมิสซานพวาร  ที่วัดคอนเซ็บชั่น  ตัวน้อยไปเพราะจะรับศีล  ต้องดีกับเพื่อนบ้านก่อน   พอดีพี่ข้างบ้าน (ลูกแกะพี่เลี้ยงที่สอง)  เขางอนตัวน้อย  เลยต้องไปง้อก่อน  และเป็นวันที่ตั้งใจจะไปทำพันธสัญญาว่า  จะรักพระเยซูเป็นคนสุดท้าย  และเริ่มใส่สร้อยกางเขนคล้องหัวใจ  เหมือนเป็นการถวายตัว   และให้พี่เขาเอามือทาบที่หัวใจ  เพราะมีสัญญาณของการประทับอยู่  เป็นอย่างไร  จะขอแบ่งปันในเรื่องต่อไป   พอมิสซาเลิก  จึงเชิญคุณพ่อมาเสกรถที่บ้าน     แบ่งปันมาตั้งยาว  เพื่อจะอวดว่า   พระเจ้าทรงเมตตาลูก ๆ ของพระองค์มากแค่ไหน  คงไม่ใช่ตัวน้อยคนเดียวหรอก ที่ได้รับพระเมตตาแบบนี้  แบ่งปันเรื่องราวของคุณให้อ่านทางเมล์  ตอบมาบ้างนะคะ)

                แล้วตัวน้อยเดินทางกลับกรุงเทพคืนนั้นเลยแทนที่จะเป็นวันรุ่งขึ้น  เพราะว่า  ห่วงบ้าน  และไม่อยากอยู่คนเดียว

                พอตัวน้อยกลับมากรุงเทพ  และใช้ชีวิตตามปกติ ได้ส่งข้อความคุยกับคุณพ่อ  ด้วยพระ วาจา หรือข้อความที่อ่านเจอ  และชอบ เรื่องราวในวันนั้น  แล้วก็   Good night and God bless you ka.  คุณพ่อ   และ ซีสเตอร์  เกือบทุกคืน

                ถ้าตัวน้อยได้รับข้อความตอบกลับ  ตัวน้อยจะอ่านด้วยรอยยิ้ม  และหลับอย่าง มีความสุข  เหมือนลูกเล็ก ๆ ที่พ่อแม่จะเล่านิทานก่อนนอน  จูบราตรีสวัสดิ์  ให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดี

                ด้วยความรู้สึก ด้วยเหตุผลนี้  ทำให้ตัวน้อยอยากให้เรื่องที่เขียนแบ่งปันเป็นเหมือน นิทาน ก่อนนอน  สำหรับทุกคน  ตัวน้อยอยากให้ทุกคนนอนหลับฝันดี   ในพระพร  ในความรักของ พระเจ้า  และในความรักของตัวน้อย
                                               Good   night   and   God   bless  you, ka.

                                                                Love  God   and   love you ka.

                                                                               ลูกแกะตัวน้อย.

                      ปล.  ได้รับเมล์ตอบจากหลาย ๆ คน  ตัวน้อยดีใจมาก ๆ  มีคำชม....  คำให้กำลังใจ...  คำแนะนำดี ๆ... บทเพลงดี ๆ.....  และคำตอบ  “(1)เมล็ดข้าว ที่ตกดินต้องเน่าเปื่อยเสียก่อน  จึงเกิดเป็น ต้นใหม่  ให้ผลร้อยเท่าบ้าง ห้าสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่า บ้าง”   มากจากพระวรสาร ยอห์น 12:24   ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน  กรุณาติดตามกันต่อไปนะคะ  คุยกันทางเมล์หรือ face book  ก็ได้นะคะ  และ อย่าลืมเป็นเทียนเล่มต่อไป    แบ่งปันเรื่องราวของคุณให้อ่านบ้าง  อย่าละเลย   อย่าเมินเฉย   อย่าเฉื่อยชาที่จะทำกิจการดี ๆ  อย่างเช่นการประกาศข่าวดีนะคะ. 

                เราประกาศข่าวดี  เพื่อเป็นที่พอพระทัย             1 เธสะโลนิกา 1:2


      (พบกันใหม่วันอังคารนะคะ กับเรื่องที่  5  อย่าบ่น)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น