วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่24: เรื่องขำ ๆ ในวันหายขม

สวัสดีคะ   ผู้อ่านที่รัก   ตัวน้อยทำงานทัวร์เป็นวันที่ห้า  ค่อนข้างเหนื่อย  เพราะเป็นงานที่ใช้แรงงาน  แรงใจ   ไม่ได้นั่งในห้องแอร์เย็น ๆ เหมือนคนส่วนใหญ่  แต่ก็เป็นอะไรที่สนุก  และมีความสุขกับการได้คุย  การได้สร้างความสุข  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะ  และสอดแทรกการแผ่ธรรมถึงพระเจ้าที่รักเขามากมาย  แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ  ไม่รับรู้  ไม่รับรักพระองค์   ตัวน้อยเศร้าใจ  ระทมใจร่วมกับพระเจ้าจนน้ำตาไหลตอนสวดเมื่อเช้า   ได้แต่ภาวนาวิงวอนขอพระเจ้าโปรดสำแดงประจักษ์ความรัก  และการตีสอนเพื่อให้ผู้ใจแข็งกระด้าง  ได้กลับใจ  รับรู้  รับรัก  และสำนึกผิด  เหมือนตัวน้อย ขอให้คนทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเจ้าในเร็ววัน  อาแมน. 
                 ตัวน้อยหายเหนื่อย  ยิ้มได้จากเมล์ของผู้อ่านที่กรุณาส่งมา  ให้กำลังใจ  และข่าวความคืบหน้าของโน๊ตเพลงที่น่ายินดีอย่างยิ่ง  (ตัวน้อยดีใจมากถึงมากที่สุด   คืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย  ต้องตื่นตีสามไปส่งลูกทัวร์กลับญี่ปุ่นเสียด้วย  ขอบคุณนะคะ  ตัวน้อยยังไม่ลืมสัญญาของเรา)   ขอบคุณมาก ๆ  สำหรับคำชม  ถ้าในงานเขียนมีส่วนที่ไม่ดีปรากฏให้เคืองใจผู้อ่าน  นั่นมาจากความดื้อรั้น และ ตัวตนที่ไม่น่ารักของตัวน้อยเอง  แต่ถ้ามีความดีแล้ว  นั่นคือผลงานของพระจิตเจ้าที่ทรงทำงานผ่านตัวน้อย  ส่วนเนื้อเรื่องนั้น  เป็นแผนการณ์...เป็นการทำงาน...เป็นการสร้างสรรค์ของพระเจ้า  เพื่อให้ลูกคนหนึ่งของพระองค์ทำงานรับใช้พระประสงค์ให้สำเร็จไปตามน้ำพระทัย
 พระองค์ทรงยึดมั่น  ทรงเลี้ยงฝูงแกะของพระองค์ด้วยพระกำลังแห่งพระเจ้า  มีคา  4:2
พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรจากเจ้า  นอกจากให้กระทำความยุติธรรม  และรักสัจกรุณา  และดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจไปกับพระเจ้าของเจ้า  มีคา  6:8
ข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า  เราจะใช้ผู้ใดไป  และผู้ใดจะไปแทนเรา  แล้วข้าพเจ้าทูลว่า  ข้าพระองค์อยู่นี่พระเจ้าข้า  ขอทรงใช้ข้าพระองค์ไปเถิด  อิสยาห์  6:8
เอาหล่ะ  ตอนนี้ขอเชิญอ่าน

   เรื่องที่  24   เรื่องขำ ๆ ในวันหายขม

                      จงรักศัตรู  จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน  มัทธิว  5:44
                      ขอพระเจ้าโปรดให้ท่านมีความรักต่อทุกคน  1  เธสะโรนิกา  3:12

               หัวใจของตัวน้อยขมอยู่หลายวัน  เพราะ การเสียของรักของหวง (ให้อภัยขโมยแล้ว  ตั้ง แต่ วันแรก  แค่รู้สึกอาลัย  เศร้า  ด้วยความเสียดาย  และหวาดกลัว ใจจึงขม)    แต่เมื่อได้รับของประทาน  หัวใจเบิกบานในความรัก  และพระเมตตาของพระเจ้าที่สัมผัสได้ผ่านทางผู้คน

              เมื่อวันที่  30  กย.  54  เป็นทัวร์วันที่สามของคอร์สสี่วัน  ตัวน้อยพาลูกทัวร์ไปท่องเที่ยวที่ตลาดร่มหุบ  จ.สมุทรสงคราม  ขณะที่นำลูกทัวร์เดินตลาดบนทางรถไฟ  พ่อค้า  แม่ค้า  จะคุยทัก  ประมาณว่า  ลูกทัวร์ชาติอะไร  จีน  ญี่ปุ่น  เกาหลี  ตัวน้อยจะตอบยิ้ม ๆ  ว่า  “ญี่ปุ่นคะ”

               ครั้งนี้  มีคำพูดขำ ๆ  เมื่อเดินอยู่ ได้ยินเสียงพ่อค้าพูดว่า  คนมีแฟน  ไม่ร้อน  แค่ฟังก็ขำ แต่พอมามองมือของตัวเองกำลังถือพัด  เดินไป  พัดไป  เพราะวันนี้อากาศค่อนข้างร้อน  ถ้าหยุดอธิบายตรงไหน  จะใช้พัด  พัดให้ลูกทัวร์เสมอ  พัดภาษาอังกฤษ  คือ  fan  แฟน  ดังนั้น  คนมีแฟน
(มีพัด)ไม่ร้อน  พ่อค้าเขาตั้งใจแซวนั่นเอง  ตัวน้อยยิ้มขำ ๆ

                 พอพูดถึงคำว่า  “แฟน”  ลูกทัวร์แทบทุกกรุ๊ป  จะถามตัวน้อย  อายุเท่าไหร่  แต่งงานหรือยัง  แฟนทำอะไร  แต่ก่อนจะคุยถึงแฟนตัวเป็น ๆ  ที่ผ่านมา   มีแฟนมาหลายคน  แต่จะคบทีละคน  และเลือกคบคนโสดเท่านั้น  เพราะไม่ชอบแย่งของใคร  (เหตุผลจริง ๆคือ  กลัวตกนรกนั่นเอง) ครั้งแรกที่มีแฟนคบทีสองคน  คนหนึ่งคือคนที่เรารัก   กับอีกคนคือคนที่รักเรา  สองคนเรียนห้องเดียวกัน  สองคนไม่คุยกัน  มีการเขม่นกันเล็กน้อย   ทั้งสองคน ดีกับตัวน้อย  จนถึงทุกวันนี้  แต่เวลามีงานเลี้ยงรุ่น จนป่านนี้ได้ยินว่าสองคนนี้ยังไม่คุยกัน   ทำให้คิดได้ว่า.....การมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น  มันแย่  เลยเข็ด  คบที่ละคนดีกว่า  แต่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ก็ไม่มีใครที่ทำให้ตัวน้อยรักมากพอ  จะตัดสินใจแต่งงานด้วยได้สักคน.....

               ตั้งแต่คืนดีกับพระเจ้า วันวาเลนไทน์   และ  23  กค.  54   กลับจากญี่ปุ่น ในระหว่างท่อง เที่ยว ได้ซื้อแหวนนิ้วนางข้างซ้าย  และจี้กางเขนคล้องหัวใจ ได้สำเร็จ    29  กค.  54  ได้ออกรถใหม่ป้ายแดง  และเป็นวันที่ไปมิสซาเพื่อทำพันธสัญญาว่า  จะรักพระเยซูเจ้าเป็นคนสุดท้าย  เหมือนเพลง  คนสุดท้าย  ของ  อัสนี  วสันต์  เนื้อเพลง  คือ

                  ไม่เคยมีใจให้ใครมาก่อน  ไม่เคยอ่อนให้ความรักเลย  จะมีใคร ๆ มากมายคุ้นเคย  แต่ไม่เคยมีใครอย่างเธอ  ฉันเคยบอกกับเธอหรือยัง  ว่าเธอมีความหมายเพียงใด  กับคนที่ใจมันด้านชา  ฉันเคยบอกกับเธอหรือยัง  จากวันนี้  และทุกเวลา  จะมีแต่คำว่ารักเธอ   จากฉันคนเดิม  จากรักไม่เป็น  จะขอเป็นคนที่รักเธอยิ่งกว่าคนไหน ๆ  จากนี้คือเธอ  จากนี้จนวันตาย  เธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิต และหัวใจ  ไม่ว่าวันไหน  ไม่ว่าเมื่อไหร่  ฉันรักเธอ

              เพลงนี้  เป็นเพลงที่ชอบตั้งแต่ได้ฟังครั้งแรก ๆ   เมื่อนานมาแล้ว   และเมื่อรักพระเยซูเจ้า  เพลงนี้  ใช่เลย   เมื่อตอนเริ่มสวดใหม่ ๆ   ถูกปลุกมาสวดกลางดึกทุกคืน  พอจะนอนต่อก็นอนไม่หลับ  จึงหยิบโทรศัพท์มือถือ  มาเปิดฟังวิทยุ  แล้วเพลงแรกที่ฟังในคืนหนึ่ง  คือเพลงนี้ ( เข้าใจหรือยังคะว่า  ทำไมตัวน้อยสวดภาวนาว่า  ขอให้ลูกรักเพราะองค์ยิ่งกว่าใคร ๆ  ก็มาจากเพลงนี้นั่นเอง  )

              เมื่อรักพระเจ้า  ก็ต้องรักผู้อื่น
        
             ดังนั้น  ตัวน้อยจะรักพระเจ้ามากที่สุด   แต่คนอื่น ๆ ก็จะเป็นสุดที่รักของตัวน้อยเช่นกัน  เป็นอย่างไรคะ  เหมือนคารมคนเจ้าชู้มั๊ยคะ  พูดง่าย  เขียนง่าย  แม้ทำจะยาก  แต่จะพยายามทำคะ

              พอเดินต่อมาอีก  ได้พบร้านขายของเกี่ยวศาสนภัณฑ์  แวะถามมีเทียนไฟฟ้าขายไหม  เพราะเมื่อกลับจากแสวงบุญที่เกาหลี  เดือนพฤกษาคม   ระหว่างนี้ได้คุยกับนายชุมพาบาลที่หนึ่ง (ท่านเป็นจิตตาธการทัวร์)  หนึ่งในหลาย ๆ เรื่องคือ  เมื่อสวดภาวนามีเทียน  และดอกไม้ด้วยก็ดีกว่า  เพื่อเป็นการ ถวายนมัสการ  สักการะพระเจ้า  ตัวน้อยซื้อดอกไม้สำเร็จสวยมาก จากอารามคาเมไล  ที่ซ.คอนแวนต์  สีลม  ที่ซึ่งลูกแกะพี่เลี้ยงท่านหนึ่ง  (ลูกแกะพี่เลี้ยงพระเจ้าทรงประทานให้มากมาย  จน  เริ่มนับไม่ถูกแล้วคะ)  ได้พาตัวน้อยกับตัวนิดไปเยี่ยมซีสเตอร์  หลังมิสซาวันอาทิตย์ที่วัดอัสสัมชัญ  ซื้อกางเขน  เทียน  แท่นเทียนฯลฯ  จุดเทียน  จนน้ำตาเทียนหกเลอะเทอะ  พื้นห้องนอน  จึงอยากเปลี่ยนเป็นเทียนไฟฟ้า   พอถามร้านนี้  ร้านนี้บอกไม่มี  เขาได้บอกให้ไปอีกร้าน  ประทับใจที่เขามีน้ำใจ  น่ารักจริง ๆ  (พระเจ้าทรงนำให้ตัวน้อยได้รู้จักชีวิตนักบวชแล้วคะ  แล้วในที่สุด...ตัวน้อยจะบวชไหม  ติดตามกันต่อไปนะคะ   คงไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะสบายจนเคยตัวเสียแล้ว   แต่ถ้าเป็นพระประสงค์   ใครจะขัดได้หล่ะคะ   แต่...พระเจ้าทรงรัก  รักมนุษย์มาก  มากจนให้อิสระ   ที่จะเลือกรักพระองค์หรือไม่....ตอนนี้   ที่ตัวน้อยตั้งใจทำ  คือเรียนรู้ที่จะรัก  เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในมรรคาศักดิ์สิทธิ์อย่างดี   และทำอะไร    ที่เป็นกิจการดี ๆ  แม้แต่เล็ก ๆ น้อย ๆ  ถวายพระเจ้าอย่างสุดกำลัง  สุดปัญญา  สุดวิญญาณ  สุดหัวใจเท่าที่ตอนนี้ทำได้ก่อน   เรื่องของอนาคต  ขอพระจิตนำทางต่อไป   ลูกวางใจในพระองค์   แล้วทุกคน  ก็เช่นกันนะคะ  ใช้ชีวิตดี ๆ ให้สมกับที่พระเจ้าทรงรับเราเป็นบุตรของพระองค์นะคะ....)

สุขจริงหนอ   ผู้ที่พระองค์ทรงเลือก  และนำมาใกล้  ให้พำนักในบริเวณพระนิเวศของพระองค์  สดุดี  64:4 

               เรื่องขำ ๆ ในวันอื่น ๆ  เป็นความเปิ่นของตัวน้อย   ตอนเข้าประชุมพลมารีย์ครั้งแรก  ปลายเดือนพฤกษาคม  (ตอนเช้าไปวัดอัสสัมชัญครั้งแรก ได้ เข้าอบรมศาสนสัมพันธ์  ได้พบนายชุมพาบาลที่สามครั้งแรก  อบรมถึงเที่ยงกว่า  มีเลี้ยงอาหารกลางวัน  คุณพ่อทักทายทุกคน  และมาปักหลักคุย  ฟัง   แบ่งปันการกลับใจของตัวน้อย  และสอนเรื่องต่าง ๆ คุณพ่อไม่รับประทานข้าวกลางวันเพื่อคุยกับตัวน้อย  สามชั่วโมงกว่า  จนตัวน้อยขอตัว  เพราะต้องกลับมาประชุมพลมารีย์(ครั้งแรก) ต่อ  ให้ทันห้าโมงเย็น  กว่าจะประชุมเสร็จหกโมงครึ่ง  มีกิจกรรมทั้งวัน  ตัวน้อยเป็นคนแบบนี้  ถ้าทำจะทำสุดกำลัง  แต่ถ้าไม่ทำ  จะไม่ทำเลย  แฮะ... แฮะ...  เหมือนที่ผ่านมา  คือไม่ทำเลย)

               เวลาประชุมพลมารีย์  จะเรียกสมาชิกว่า  ซีสเตอร์......  บราเดอร์......ตามด้วยชื่อ  ตัวน้อยได้ยินอย่างนั้น  คิดว่า  สงสัยเคยเป็นซีสเตอร์  บราเดอร์  กันหรืออย่างไร  ถึงได้เรียกแบบนี้  อื่อ  แสดงว่าต้องมีความรู้เรื่องพระเจ้ามากแน่ ๆ    ตัวน้อยจึงถามบราเดอร์ท่านหนึ่งว่า  รู้จักนักบุญโยอันนาไหม  เพราะอยากทราบว่า  นอกจากที่ปรากฏในพระวรสารของนักบุญลูกาแล้ว  มีประวัติอื่น ๆ อีกหรือ ไม่  บราเดอร์ท่านนั้นตอบ  “โอย...  ไม่รู้หรอกครับ”  ตัวน้อยทำหน้า  ผิดหวังนิดหน่อย   ที่หลังจึงเข้าใจว่า  เป็นการเรียกซีสเตอร์  บราเดอร์  เท่านั้น  เหมือนเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกัน  ไม่เกี่ยวกับการบวชเป็นนักบวชจริง ๆ ( เพล้ง.....หมอรับเย็บมั๊ยเนี่ย)

               การใช้ชีวิตด้วยรอยยิ้ม  และหัวเราะได้บ่อย ๆ  มันมีความสุขนะคะ  ตั้งแต่คืนดีกับพระเจ้า  เวลาไปร่วมมิสซา   ตัวน้อยจะตั้งใจฟังคุณพ่อเทศน์มากขึ้น  ทำไมแต่ก่อน  สิ่งที่คุณพ่อเทศน์ไม่เหลือในหัว  ในหัวใจ  ตัวน้อยเลย  หรือเพราะไปแต่ตัว  หู ไม่ได้ฟัง  แม้ได้ยิน  หัวไม่ได้คิด  ไม่ได้จดจำ  เหมือนไม่ได้เอาหู  กับหัว  ไปด้วย ไปแต่ตัว   แต่คิดว่า  คนแบบตัวน้อยมีมากนะคะ  พอได้ไปวัดคอนแซ็บชั่น  คุณพ่อเทศน์สนุก  จึงเริ่มเปิดใจฟัง   ตอนนี้ตั้งใจฟัง  เพราะรักพระเจ้า  จึงตั้งใจฟังว่า  พระองค์จะตรัส  จะสอนอะไร  แล้วเก็บสิ่งดี ๆ  เก็บพระวาจาไว้ในหัวใจ  และนำไปปฏบัติต่อไป

               พอเดี๋ยวนี้  ตั้งใจฟังคุณพ่อเทศน์  รู้สึกว่าคุณพ่อแต่ละองค์เทศน์ดี  ดีมาก ๆ  คงเพราะตัวน้อยตั้งใจฟังมาก ๆ   ทำให้ได้รับสิ่งดี ๆ มากขึ้น  ถ้าคุณพ่อมีอารมณ์ขัน  การเทศน์ก็จะสนุก  น่าสนใจ  น่าฟัง  น่าจดจำ  และถูกจารึกไว้ในหัวใจผู้คนได้มากขึ้น  (อยากจะกราบเรียนคุณพ่อทุกท่านว่า  คุณพ่อสู้  สู้  แต่พระวาจาตอนหนึ่งที่ได้ฟัง  และจารึกไว้ในหัวใจคือ   เสียงของพระเจ้าจะเป็นเสียง  เบา เบา  ทำให้คุณพ่อหลายท่าน  เทศน์  ตามแบบฉบับของพระเจ้า   คนใจบาป  อย่างตัวน้อยไม่ได้ยินหรอกคะ  ทำอย่างไรดี   ฝากการบ้านไว้ให้คุณพ่อคิดเล่น  ช่างกล้าจริง    ไอ้  ลูกแกะตัวนี้   ถ้าเป็นการล่วง เกิน  ตัวน้อยขอกราบอภัยมาณ.ที่นี้  ด้วยทั้งหมดของหัวใจ  เพียงแต่  ไม่อยากให้สิ่งดี ๆ ที่ท่านตั้งใจสอน  ลอยผ่านไปกับสายลม  อยากให้คำสอน  นั้นซึม..จารึก...เข้าไปในหัวใจของทุกคน  ไม่อยากให้พระวาจาสูญเปล่า  แทนที่จะเติบโตในหัวใจของผู้คน...  )

               หนึ่งในหลาย ๆ สิ่งที่ตัวน้อยได้เรียนรู้  จากการไปเข้าเงียบที่สวนเจ็ดริน  นอกจากการ ศึกษาพระคัมภีร์  การรำพึงภาวนา  มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ   เขาวงกต  อธิบายง่าย ๆ  คือเดินวนไป  วนมา  ปลายทางคือ  ศิลา ซึ่งหมายถึงสวรรค์  หรือหนทางสู่พระเจ้า

ท่านเป็นศิลา  และบนศิลานี้  เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา  มัทธิว  16:18
จงวางใจในพระเจ้าตลอดไป  เพราะพระเจ้าทรงเป็นศิลานิรันดร์  อิสยาห์  26:4


               ตอนเดินครั้งแรก  รำพึงภาวนาคุยกับพระเจ้าไป   พอเดินไปปั๊ป  ก็เห็นศิลา  คิดว่า    ทำไมถึงศิลา  ถึงพระเจ้าง่ายจัง   แล้วหนทางที่เหลือหล่ะ  ก็เดินต่อไป   หนทางวกวน  มีหยากไย่  กิ่งไม้  เหมือนใกล้  แต่ไม่ถึงสักที  เริ่มเหนื่อย  เริ่มหวั่น ๆ เริ่มสวดภาวนาเรียกหา  พระเยซูเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์   ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ.....แล้วในที่สุด  มาถึงศิลาจนได้  นั่งพัก  แล้วคุยกับพระเยซู....พอคุยเบื่อแล้ว   เดินกลับ 

               พอเดินครั้งที่สอง  เดินไปร้องเพลงไป  ส่วนมากจะร้องเพลงที่แต่งเอง  เพราะระหว่างเจ็ดคืนแปดวันแต่งได้สามเพลง  คือเพลง  พระบิดารักเจ้า  พระแม่ผู้นำสารจากพระบิดา  และพระจิตเจ้า(แรงบันดาลของแต่ละเพลง  ขอแบ่งปันในเรื่องต่อไป  นะคะ)   พอเดินไปร้องเพลงไป  มีความสุขจัง   แป๊ปเดียวถึงศิลาแล้ว  ดังนั้น  ในการทำกิจการของพระเจ้า  กิจการใด ๆ  หรือแม้แต่การแบกกางเขน  ร่วมพระทรมาน   แม้จะเป็นทุกข์   แต่ถ้าทำด้วยความรัก  ความสุข  สงบใจ  ด้วยใจยินดียอมรับทุกอย่าง  ถ้าหากเป็นน้ำพระทัย  เป็นที่พอพระทัย   จะดีกว่าไหม   ทุกข์ได้  โกรธได้  แต่อย่านาน  เหมือนพระวาจา  ที่จารึกไว้ในหัวใจ  ความว่า    โกรธได้  แต่จงคืนดีก่อน  พระอาทิตย์ตกดิน...มิเช่นนั้น  ถ้าท่านไม่ยกโทษให้ผู้ใด   บาปของท่านก็จะไม่ได้รับการอภัยเช่นกัน   (พระวาจาใจใจความนี้   ของใคร  บท  และข้อใด  ผู้ใดทราบส่งเมล์มาบอกหน่อยนะคะ   ตัวน้อยเพิ่งกลับมาคืนดีกับพระเจ้าได้เจ็ดแปดเดือน  พยายามอ่าน  แต่ยังอ่านไม่ได้มาก   พยายามจดจำ   ความจำ..สมองค่อนข้างจำกัด ( แม้ความจำอาจจะสั้น .. แต่รักนั้นยาว....คุ้น ๆ  มั๊ยคะ  ชื่อหนังเรื่องหนึ่งคะ)   รบกวนหน่อยนะคะ  ขอบคุณคะ

               เหมือนที่นายชุมพาบาลที่หนึ่งได้กรุณาบอกกับตัวน้อยในวันคืนดีกับพระเจ้า   ตัวน้อยบ่นว่า  เป็นลูกแกะตัวดี  สนุกตรงไหน   คุณพ่อตอบว่า  สนุกได้  แต่อย่าทำบาป”

การทนทุกข์เพราะความดี  ย่อมดีกว่า การทนทุกข์  เพราะความชั่ว  1  เปโตร 3:16-17
มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดที่ได้ทั้งโลกเป็นกำไร  แต่ต้องเสียชีวิต  มัทธิว  16:26
วิบัติแก่เมษบาลผู้ไร้ค่าของเรา  ผู้ที่ทอดทิ้งฝูงแพะแกะเสีย
ขอให้ดาบฟันแขนของเขา  และฟันตาขวาของเขาเถิด
ขอให้แขนของเขาลีบไปเสีย  และให้ตาขวาของเขาบอดทีเดียว  มาลาคี  2:10
จงละทิ้งการกบฏทั้งสิ้นซึ่งเจ้าได้กบฏต่อเรา  จงทำให้มีจิตใจใหม่   และวิญญาณใหม่  เอเสเคียล  18:31
พระวาจาได้หยั่งรากลึกลงไปในหัวใจเรา  ท่านจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลของพระจิตเจ้า  ท่านจะพบว่า  ท่านกำลังเจริญเติบโตในความรัก  (ไข่มุกแห่งการฝึกจิตภาวนา  หน้า  37)
 ขอพระหรรษทาน  และสันติ  จากพระเจ้า  สถิตอยู่ท่านทั้งหลาย (โคโลสี  1:12)
 
 Good  night  and  God  bless  you.  Ka.

  ลูกแกะตัวน้อย.
29.1.12   ส่งเมล์
พบกันใหม่  วันอังคาร  กับเรื่องที่  25  บทเพลงจากสวนจิตริน
===========================================

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น