สวัสดีคะ ผู้อ่านที่รัก เมื่อวันอังคารตัวน้อยส่งเมล์เรื่องที่ยี่สิบเจ็ด และเขียนแบ่งปันคุยว่า ตัวน้อยเลือกไปอบรมผู้ประกาศดี แต่ยังอาลัยชีวิตการทำงานทัวร์ ก็ไม่ทราบว่า ต่อไป พระเจ้าทรงมีแผนการณ์ หรือพระประสงค์ให้ตัวน้อยใช้ชีวิตเพื่อพระองค์อย่างไร แล้วในเช้าวันพุธ ข้อความที่นายชุมพาบาลที่สองกรุณาส่งมาให้ ทำตัวน้อยอึ้ง.... ข้อความนั้นก็คือ
จงฝากชะตากรรมของท่านไว้กับพระยาเวห์ จงวางใจในพระองค์ สดุดี 27:5
โดน....โดนใจ อย่างจัง บังเอิญหรือเปล่า ตัวน้อยจึงส่งข้อความไปถามซีสเตอร์ว่า
“ พระวาจาวันนี้โดนอย่างจัง ขออนุญาตถาม (อีกแล้ว)ว่า ซีสเตอร์ กรุณาส่ง...หลังจากอ่านเรื่องที่ส่งเย็นวานหรือเปล่าคะ” ซีสเตอร์กรุณาตอบมาความว่า “ซีสเตอร์กำลังสัมนาอยู่ ที่นี่ไม่มีคอมพ์ และ wifi คะ” สรุปก็คือยังไม่อ่านที่ตัวน้อยเขียนแบ่งปันว่ากำลังสับสนกับชีวิตของตัวเองอยู่ แล้วพระวาจาก็ไขแสดงอีกครั้ง อัศจรรย์ดีไหมคะ ขอสรรเสริญ และโมทนาขอบพระคุณพระองค์ พระเจ้าข้า ลูกวางใจในพระองค์
ขอขอบคุณเมล์ที่ส่งมาคุยกัน และเมล์พิเศษ จากคนพิเศษ และหนึ่งในเมล์นั้นทำให้เริ่มการเขียนเรื่องที่สี่สิบได้ อย่างไรนั้น รออ่านนะคะ เอาหล่ะ ตอนนี้ ขอเชิญอ่าน
เรื่อง 28 สัญญาณการประทับอยู่
พระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นทุกสิ่งในทุกคน (โคโลสี 3:11)
สัญญาณการประทับอยู่ คือ การเต้น ตึก...ตึก...ตึก...ของหัวใจ (เต้นแรงกว่าปกติ แรงจนได้ยิน แรงจนรู้สึกได้) เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไหร่นั้น ขอแบ่งปันในเรื่องนี้
ระหว่างวันที่ 4-10 เมย. 54 ตัวน้อยได้ไปเข้าเงียบที่หัวหิน ของคณะพระหฤทัย เป็นการเข้าเงียบแบบเกาหลี ใช้ชื่อไทยว่า แบบพระหฤทัยพระพระเยซู เป็นเวลาเจ็ดคืนแปดวัน
คือการภาวนาโดยใช้บทเร้าวิงวอนที่เลือกรำพึงซ้ำ ๆ ในเวลาสี่สิบนาที และอ่านพระคัมภีร์สิบนาที วันละหกรอบ ตอนเช้า มีเดินรำพึง ออกกำลัง มีมิสซา การเฝ้าศีล เริ่มตีห้าครึ่งถึงสองทุ่มครึ่ง
ในวันที่หนึ่งและสอง ตัวน้อยเลือกบทเร้าวิงวอนว่า “ข้าพเจ้าขอรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความรักอันลุกร้อนของพระองค์”
เช้ามืดคืนแรกซึ่งเป็นวันที่สองของการเข้าเงียบ ตัวน้อยถูกปลุกประมาณตีสี่กว่า ( ก่อนที่จะคืนดีกับพระเจ้า จะเป็นคนนอนง่ายหลับสนิท จนถึงเช้าตีห้าถึงหกโมงเสมอ) หลังจากกลับคืนดีกับพระเจ้าแล้ว ปกติเมื่อถูกปลุกให้ตื่นแม้กลางดึก จะลุกมาสวด แต่ระหว่างเข้าเงียบนี้ ห้ามสวดบทอื่น นอกจากบทเร้าวิงวอนที่เลือกเท่านั้น เช้านี้ เมื่อถูกปลุกให้ตื่น ตัวน้อยพูดในใจกับพระเยซูเจ้าว่า “วันนี้ ลูกมีเวลาคุยกับพระองค์ทั้งวัน ขอนอนต่อไม่ได้หรือ พระเจ้าข้า” แล้วได้ยินเสียงในใจว่า “เราอยากคุยกับเจ้า” .......อุ๋ย. ...... “เข้าใจแล้ว พระเจ้าข้า” ตัวน้อยลุกขึ้นไปล้างหน้า พอเดินกลับมาที่เตียง หน้าต่างกระจกที่ปิดเพียงผ้าบาง ภาพที่ปรากฏในสายตา คือ รูปปั้นพระหฤทัยเยซูเจ้า ในสวนที่แสงสปอท์ไลท์สาดส่องงดงาม สะกดให้เดินออกไปหาพระเยซูที่ระเบียง ยืนมอง แล้วรำพึงคุยกับพระเยซูว่า “เพราะลูกเป็นคนบาปใช่มั๊ย พระองค์ถึงมาหา ถ้าลูกไม่เป็นคนบาป พระองค์ก็ไม่มาหาใช่มั๊ย พอลูกเป็นลูกแกะตัวดี พระองค์ก็จะไปดูแลลูกแกะตัวอื่น ๆ ใช่มั๊ย” ด้วยความรู้สึกว่าจะถูกทิ้ง ตัวน้อยน้ำตาไหลริน
“ถ้าเจ้าไม่ให้เราไปดูแลคนอื่น ๆ ความรักของเจ้าก็เห็นแก่ตัวสิ”......
ได้ยินเสียงในใจดังนี้ ตัวน้อยเบือนหน้าจากพระเยซูไปทางขวา ปรากฏว่า หันไป..เจอตู้ศีล (ห้องติดกับตัวน้อย คือวัดน้อย ทำไมได้พักห้องนี้คะ ใครตอบได้ ให้อะไรดี)
ตัวน้อยหัวเราะ ฮึ ฮึ ทั้งน้ำตา “ลูกหนีพระองค์ไม่พ้นจริง ๆ” แล้วเสียงในใจก็ดังว่า “ถ้ารักเรา ก็รักให้ได้อย่างเรารัก”...... “รักอย่างไรเล่า พระเจ้าข้า......... รักพระเจ้าสุดจิตสุดใจ และรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเองใช่มั๊ย พระเจ้าข้า”
“ข้าพเจ้า ขอรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความรักอันลุกร้อนของพระองค์” เพราะรำพึงไว้
อย่างนี้หรือเปล่า เวลาตัวน้อยทำกิจการดี ๆ ถวายพระเจ้า ถึงได้...ไม่ได้ใจร้อน แต่ใจร้อนมาก ๆ เพิ่งตั้งไข่หัดเดิน ยังไม่ทันแข็ง แต่จะวิ่งไปหาพระเจ้า เลยหกล้ม หกลุก ทั้งงานเขียน งานเพลง แก้แล้ว แก้อีก จนจะหมดแรง หมดกำลังใจอยู่แล้ว ขอกำลังใจ และคำภาวนาจากทุกคนด้วยนะคะ
ในตอนเช้าวันที่สาม ตอนเช้าตรู่ เดินภาวนา ตัวน้อยรำพึง “ข้าพเจ้าขอรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความรักอันลุกร้อนของพระองค์ ๆ ๆ ๆ ๆ.......... ขอให้ลูกรักพระองค์ ขอให้ลูกรักพระองค์มากขึ้นในทุก ๆ วัน......” แล้วเสียงในใจก็ดังสวนขึ้นมาว่า “ที่มานี่ ก็เพราะรักเราไม่ใช่หรือ” .....อึ้ง.......... “ยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่ารักเรา” อุ้ย......... ขอโทษคะ ประโยคแบบนี้ กล้าคิดเอง เออเองหรือเปล่า ตัวน้อยไม่กล้าหรอก.
ในตอนสายก่อนเริ่มรำพึงภาวนาในวัดน้อย ตัวน้อยแวะหานายชุมพาบาลที่หนึ่งซึ่งนั่งอยู่ในสวน (คุณพ่อไปเข้าเงียบด้วย) เพื่อขอพร คุณพ่อปกศรีษะให้ และเปลี่ยนบทรำพึงเป็น “พระประสงค์แห่งพระหฤทัยพระเยซูเจ้า โปรดทำงานในดวงใจข้าพเจ้า..ๆๆๆๆๆๆๆ” พอสวดไปสักพัก หัวใจของตัวน้อยเต้น ตึก ตึก ตึก ตึก .... ซึ่งปกติเป็นคนไม่ออกกำลังกาย หัวใจจะเต้นเบา ๆ ไม่เคยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นมาก่อนเลยคะ
พอได้ยินหัวใจตัวเองเต้น ตึก ๆๆๆๆๆ ดังมาก แรงมาก รำพึงในใจ “โอ้พระเจ้าข้า ลูกรับรู้แล้ว... พระองค์ทรงทำงานในหัวใจลูก”
เมื่อรำพึงรอบต่อ ๆ ไป แค่รำพึงได้สักพัก หัวใจเต้นตึก ๆ ๆ ๆ อีก รอบก่อนอาหารเย็น เมื่อเสิยงนาฬิกาดัง บอกหมดเวลาห้าสิบนาทีปุ๊ป ตัวน้อยลุกวิ่งไปหาพี่สาว ผ่านคุณพ่อที่นั่งเยื้องที่แถวหลังถัดมา และพี่สาวนั่งแถวหลังจากคุณพ่อ พี่สาวนั่งติดกับนายชุมพาบาลที่สอง และเพราะการเข้าเงียบนี่เอง ทำให้ตัวน้อยได้มีโอกาสรู้จักนายชุมพาบาลที่สอง และได้มีการติดต่อกัน จนท่านเป็นเหมือนแม่พระที่คอยดูแล อบรมสั่งสอน ตักเตือน และร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับตัวน้อยจนถึงทุกวันนี้ ขอขอบพระเจ้าสุดจิตสุดใจ ที่ประทานซีสเตอร์ที่น่ารัก แม่พระที่ตัวน้อยสัมผัสได้มาให้
ตัวน้อยเอามือของพี่สาวมาทาบที่หัวใจ ถามพี่สาวว่ารู้สึกถึงการเต้นแรง ๆ ของหัวใจไหม พี่สาวก็บอก รู้สึก เต้นแรงจริง ๆ เมื่อเข้าห้องอาหารตัวน้อยได้เห็นซีสเตอร์ผู้ซึ่งเป็นผู้นำวิญญาณ
ที่ตัวน้อยต้องเข้าพบทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมง เพื่อแบ่งปันการสัมผัสพระเจ้าในแต่ละวัน ตัวน้อยขอมือซีสเตอร์มาทาบที่หัวใจ ถามซีสเตอร์เช่นเดียวกัน ในการเข้าเงียบครั้งนี้ มีพระสงฆ์สี่องค์
ซีสเตอร์สามสิบกว่าท่าน ฆราวาสแค่สองคนคือตัวน้อย และพี่สาวที่มาเป็นเพื่อน ตัวน้อยอยู่ท่ามกลางผู้ศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกได้ว่า เป็นประสบการณ์... เป็นความทรงจำ ......ที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ขอขอบพระคุณพระองค์ทั้งหมดของหัวใจ พระเจ้าข้า
พอไปตักอาหาร นายชุมพาบาลที่หนึ่ง มาตักอาหารใกล้ ๆ เพราะคงสงสัย และเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น ตัวน้อยแอบเล่าให้ฟัง (เพราะเข้าเงียบ ห้ามคุยกัน) คุณพ่อบอกว่า “พระเจ้าอวยพรลูกแล้ว”
พอวันที่สี่ทุกครั้งที่รำพึงด้วยบทเร้าวิงวอนนี้ “พระประสงค์ แห่งพระหฤทัยพระเยซูเจ้า โปรดทำงานในดวงใจข้าพเจ้า” หัวใจจะเต้นตึก ๆ แรงมากจน ตัวน้อยต้องภาวนาว่า “ลูกทราบแล้ว ว่าพระประสงค์ของพระองค์ทำงานในหัวใจลูก แต่ลูก...กลัวว่าหัวใจจะรับไม่ไหว ขอเบากว่านี้ แต่ให้รู้สึกได้ ได้ไหม พระเจ้าข้า” แล้วหัวใจก็เต้นแรง แต่เบาลง จากวันแรกเวลานั่งรำพึงภาวนาจะนั่งท่าสมาธิ พนมมือ จึงเปลี่ยนมาประสานมือทาบที่หัวใจ แต่ถ้าเวลาวอกแวก คิดถึงเรื่องนั้น เรื่องนี้ หัวใจจะเต้นเบาปกติ
ในช่วงเย็นของวันที่สี่หลังอาหาร ก่อนรำพึงทุ่มครึ่งรอบสุดท้าย มีเวลาพักผ่อน ตัวน้อยหยิบกระดาษปากกา มานั่งรำพึงที่ริมทะเล พี่สาวนั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วเพลงที่สองได้เกิดขึ้น คือเพลง บอกรักพระเยซู
กี่ครั้งที่ใจร่ำร้องหา กี่ครั้งที่ใจเต้นเร่าร้อน
เพียงพระทัย อยากให้พระองค์เสด็จลงมา
ในหัวใจ โปรดบอก ความนัยแห่งปรารถนา
นำรักมา สู่ใจดวงน้อย ที่คอยหา
กี่หมื่นครั้ง ที่ใจเต้นลุกร้อน กี่แสนครั้งที่ใจคร่ำครวญหา
เพียงหัวใจ คงอยู่เพื่อพระองค์เท่านั้น
บนหนทาง ความจริง ในรักที่มอบให้
สุดหัวใจ คือรักพระองค์ผู้เดียว
อยากจะทำตามน้ำพระทัย ทุกสิ่งไป คือรักเท่านั้น
รักพระองค์สุดหัวใจในทุกวัน รักใคร ๆ เหมือนดั่งตัวเอง
ทุกครั้งที่ใจยังหวั่นไหว ทุกครั้งที่ใจยังอ่อนแอ
เพียงพระองค์ โปรดยังคง อยู่ในใจเสมอ
แม้หนีไกล พระองค์ทรงตามกลับมาหา
รักยิ่งใหญ่ ขอรักพระองค์ก็พอ
เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจ...ความรู้สึกมันล้นใจ...จาการเต้นของหัวใจ และบทภาวนาพระเมตตาในบทภาวนาประจำวันว่า “โอ้พระตรีเอกภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ทุก ๆ ครั้งที่ลูกหายใจ ทุกครั้งที่หัวใจของลูกเต้น จะหมื่นแสนครั้งก็ตามที ลูกปรารถนาให้ทุกครั้ง เป็นการเทิดพระเกียรติพระเมตตาของพระองค์” หน้า 3 (ของเล่มที่สวด) You are what you pray. คุณเป็นอะไรที่คุณสวด จำได้มั๊ยคะ
พอวันสุดท้าย มีการแบ่งปันของสมาชิกเข้าเงียบทั้งหมด ตัวน้อยร้องเพลงนี้ให้ทุกคนฟัง เพราะตอนแรกคิดว่า ที่แต่งเพลง “กว่าจะรู้ว่าถูกรัก” ได้สำเร็จ เป็นแค่ฟลุ๊คหรือเปล่า แต่ตอนนี้ จากเพลงแรกที่แต่งได้ตอนเดือนมกราคม จนถึงเดือนนี้ตุลาคม (เก้าเดือน) แต่งได้สิบสองเพลง ทั้งเพลงพระ และเพลงรัก....ทางโลก ฟลุ๊ค หรือว่า เป็น พระพรคะ
พอกลับจากการเข้าเงียบแล้ว วันที่ 29 พค. 54 (เดือนครึ่งผ่านมา) ได้ตามตัวนิดไปวัดอัสสัมชัญ (ครั้งแรกในชีวิต ทั้ง ๆ ที่พาลูกทัวร์ไปพักโรงแรมโอเรียลเต็ล บ่อยๆ เพราะตอนนั้นยังไม่รัก ก็ไม่สนใจ ไม่อยู่ในสายตา) เพื่อเรียนคำสอน ไปถึงวัดราวแปดโมง นั่งรอตัวนิดมาในรถ อ่านหนังสือพระคัมภีร์รอ ในระหว่างนี้ รู้สึกได้ถึง หัวใจเต้น ตึก..ๆๆๆๆ ตลอดมิสซา ตัวน้อยรับศีล รำพึงคุยกับพระเยซู น้ำตาซึม ซาบซึ้ง และขอบคุณพระเจ้า สำหรับการรู้สึกได้ ถึงการประทับอยู่ (ตัวนิดก็เห็น)
สัญญาณการประทับอยู่ ยังรู้สึกได้เป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเวลาไปวัด แล้วคุณพ่อเสกแผ่นปัง และเหล้าองุ่น ที่จำได้ชัด ๆ อีก คือวันที่ 29 กค. 54 เพราะเป็นวันที่ไปมิสซานพวาร เพื่อทำพันธสัญญาว่าจะรักพระเยซูเป็นคนสุดท้าย ออกรถใหม่ ง้อพี่ข้างบ้าน (ทั้ง ๆ ที่ ตัวน้อยไม่ได้ผิด แค่เป็นการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย แต่ เพราะรักมากกว่า และ เพราะพระเยซูทรงสอนว่า ก่อนจะไปรับศีล ต้องคืนดีกับเพื่อนมนุษย์ก่อน จึงยอมไปง้อ ) และได้ขอมือพี่เขามาทาบหัวใจ และได้เสกรถใหม่โดยคุณพ่อน้องชายนายชุมพาบาลที่สาม
วันที่ 12-14 สค. 54 ระหว่างไปเที่ยวพัทยากับตัวนิด เมื่อวันเสาร์ก่อน (7 สค.) ได้เข้าร่วมฟังการอบรม โดยคู่สมรสเพื่อพระคริสต์ ได้ขอให้คุณพ่อจิตตาธิการปกศรีษะขอพรพระจิต ตัวน้อยรู้สึกร้อนไปทั้งตัว และสามวันที่ไปเที่ยวก็มีสัญญาณประทับอยู่เกือบตลอด ตัวน้อยยังขอมือตัวนิดมาทาบที่หัวใจ ทั้งเวลาที่มีสัญญาณการประทับอยู่ และเมื่อหัวใจเต้นเบา ๆ ปกติ
วันที่ 23 กค. 54 ไปมิสซาหนึ่งทุ่ม ที่วัดนักบุญเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ ใกล้บ้านตัวน้อย ได้ห็น...นายชุมพาบาลที่สาม มาร่วมถวายมิสซาเพราะคุณพ่อมาร่วมสวดศพ แม่ของคุณพ่อท่านหนึ่ง เมื่อรับศีล กลับมานั่ง เห็นลูกแกะพี่เลี้ยงที่หกซึ่งเป็นเลขาคุณพ่อ และคุณพ่อกรุณาฝากให้พี่เขาดูแลตัวน้อย จึงไปนั่งด้วย แล้วขอมือพี่เขามาทาบหัวใจ เมื่อสวดศพเสร็จ ก็ขับรถไปส่งคุณพ่อกลับวัด ตอนขากลับให้พี่เขาทาบหัวใจอีกครั้ง เพื่อให้เห็นถึงความแตกต่าง ระหว่างมิสซา มีสัญญาณการประทับอยู่ แต่เมื่อขับรถกลับ หัวใจเต้นเบา ๆ ปกติ
จนหลาย ๆ ครั้งที่ไม่รู้สึกถึงการเต้นตึก..ตึก..ตึก...ของหัวใจ ตัวน้อยจะถาม “พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ไปไหน ไปดูแลแกะตัวอื่นอยู่หรือ ลูกไม่ชอบถูกทิ้ง ไม่ชอบอยู่ห่างพระองค์ ทำไมไม่รู้สึกถึงการประทับอยู่เลย” แล้วเนื้อเพลง “ลูกแกะตัวนั้น” ที่นายชุมพาบาลที่หนึ่งแต่ง ก็เป็นคำตอบ
อยู่ตรงนี้ ที่เดิม ที่รักไม่เคยหน่ายหนี
อยู่ตรงนี้ ทุกนาที ราตรีไม่เคยหลับไหล
ไม่มีคำว่าไกล เกินรักที่ทรงให้ไป
คำว่า หลงไกล เป็นแค่คำของฉัน หาใช่ของพระองค์
พระจิตจะเป็นพยานให้เรา ท่านก็เป็นพยานให้เราด้วย (ยอห์น 15:26-27)
ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติ ท่านก็ดำรงอยู่ในความรักของเรา (ยอห์น 15:10)
ขอให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างสงบ ทำงานด้วยน้ำพักน้ำแรงของตน ( 1 เธสะโรนิกา 4:11)
เราประกาศข่าวดี เพื่อเป็นที่พอพระทัย( 1 เธสะโรนิกา 2:4)
จากพระวาจาที่เลือก คงบอก และตอบอะไรหลาย ๆ อย่างได้ดีกว่าที่ตัวน้อยอยากจะบอก
การที่ได้รับความรัก พระเมตตา เสียงในใจ หรือแม้แต่สัญญาณการประทับอยู่ คงเป็นเพราะคำ
ภาวนาที่สวดว่า ขอให้ลูกได้สัมผัสความรัก และพระเมตตา ทุกวันเวลา ทั้งบนแผ่นดิน และใน
สวรรค์ มีพระวาจาตอนหนึ่งที่จำไว้ในหัวใจว่า
“เรารู้จักเจ้า ตั้งแต่ก่อนเจ้าเกิด ชื่อของเจ้าอยู่บนฝ่ามือของเรา” (ของใคร บทข้อใด
ผู้ใดทราบเมล์มาบอกหน่อยนะคะ รบกวนอีกแล้ว ขอบคุณะคะ) เพราะพระเจ้าทรงรู้จักทุกคนดี
ว่าชอบแบบไหน ปรารถนาอะไร และทรงมีแผนการณ์สำหรับชีวิตแต่ละคนอย่างไร
คุณอยากได้รับ ความรัก และ พระเมตตาจากพระเจ้าแบบไหนคะ
ขอให้ “ แสวงหาพระเจ้า จงทูลขอเมื่อพระองค์ทรงอยู่ใกล้” นะคะ เอสรา 55:6
เราคือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของบรรดามนุษย์ และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดยากเกินหรือ เยเรมีย์ 32:27
ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งได้ โยบ 42:21
จงปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความยำเกรง จงนมัสการพระองค์ด้วยใจจริง สดุดี 2:11-12
พระองค์ได้ประทานความชื่นบานให้แก่จิตใจข้าพระองค์ สดุดี 4:7
เพราะเขาผูกพันกับเราด้วยความรัก เราจะช่วยกู้เขา เราจะป้องกันเขาไว้ เพราะเขารู้จักนามของเรา สดุดี 91:14
Good night and God bless you. Ka.
ลูกแกะตัวน้อย.
8.2.2012 ส่งเมล์
พบกันใหม่วันอาทิตย์ กับ เรื่องที่ 29 ลันลา ในวันลี้ภัย
====================================================================
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น