วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรื่องที่29: ลันลา ในวันลี้ภัย

สวัสดีคะ   ผู้อ่านที่รัก

               ช่วง วันศ.  ส.  อา. (10-12  กพ.  55)   นี้  ตัวน้อยได้เข้าร่วมการอบรมผู้ประกาศข่าวดี (PMG) สัปดาห์ที่หนึ่ง มีอะไรมากมายที่ได้รับการสอน   เป็นพระธรรมล้ำลึก  ที่ถ้าไม่ได้เรียน  คงยากเกินกว่าจะเข้าใจ  คงเป็นเรื่องราว   เป็นประเด็นให้แบ่งปันอย่างยาวได้ในเรื่องต่อ ๆ ไป   แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยทราบ  ก็คือ  ตั้งแต่รับศีลล้างบาป  เราได้ตายจากบาปกำเนิด  เพราะอาดัม  และเอวา ขัดพระบัญชาของพระเจ้า  ทำให้มนุษย์ถูกตัดขาดจากสวรรค์  และ  เพราะการไถ่กู้ ของพระคริสตเยซู   และด้วยศีลล้างบาป   ทำให้มีเราชีวิตใหม่ในการเป็นลูกของพระเจ้าอย่างแท้จริง 
                 ในขณะที่  เราเป็นลูกของพ่อแม่ของโลกนี้  เรายังมีหน้าที่ที่ต้องกตัญญูรู้คุณ  เลี้ยงดูท่าน   เมื่อแก่เฒ่า   แล้วในฐานะลูกของพระเจ้าหล่ะ  
                 ตัวน้อยก็เพิ่งทราบ  และได้สำนึก   ก็คือ   เราทุกคนมีหน้าที่ประกาศข่าวดี  นั่นเอง  แล้ว  การประกาศให้ดี เพื่อเป็นพยานถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า  ช่วยทุกวิญญาณให้รอดจากไฟนรก  และได้เข้าสู่อาณาจักสวรรค์บ้านแท้ที่พระบิดาทรง  เตรียมไว้รอคอย  รอรับพวกเรา 
                แต่  ต้องทำอย่างไร  ก็เป็นอีกเรื่องที่เราต้องเรียนรู้  เพื่อให้มีความพร้อม  เหมือนทหารเตรียมออกศึก  ก็ต้องฝึกรบ  เตรียมติดอาวุธ   การประกาศข่าวดีของพระเจ้า  ของพระคริสตเยซู   เราต้องเรียนรู้  เพื่อให้เราสามารถรับใช้พระประสงค์ของพระเจ้า  ให้สำเร็จไป  และเป็นที่พอพระทัย   ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และครบครัน   ตัวน้อยปรารถนาให้ทุกคน  จัดเวลา  และสละเวลา  มาร่วมอบรมด้วยกันจังคะ   ยังเหลืออีกสี่ครั้งนะคะ 
               บาปหนึ่งที่เราไม่รู้  ไม่ได้ให้ความสำคัญ  นั่น คือ   การละเลย   เราละเลย  ในหลาย ๆ เรื่อง  เช่นรักเพื่อนมนุษย์  เราสามารถช่วยเหลือ  แบ่งปันให้เขาได้มากกว่านี้ไหม  ทำอะไร ดี ๆ  ให้เขาได้มากกว่านี้ไหม  ให้อภัย คนที่ทำไม่ดีกับเรา  ได้อย่างเพียงพอแล้วหรือยัง  ทำให้ได้ในทุกครั้งไหม  เราเองก็ยังเผลอ  ยังพลั้งทำผิด  ทำบาปอยู่  กับเพื่อนมนุษย์  ซึ่งก็คือพระเยซูเจ้าเอง เป็นระยะ ๆใช่หรือไม่  แต่พระเจ้า  ก็ทรงอภัยให้เราทุกครั้ง  ในศีลอภัยบาป  เราก็จงอภัยให้ผู้อื่นในทุกครั้ง  เหมือนที่พระเจ้าทรงอภัยบาปให้เราเถิด.  อย่าจดจำความผิดเลย
               และ  เราจะเริ่มประกาศข่าวดี  งานสำคัญ  หน้าที่สำคัญ  ของคริสตชนทุกคน  เมื่อไหร่   วันนี้เลย  เป็นอย่างไรคะ   อย่างน้อยขอให้ผู้คนได้เห็น  ได้สัมผัส  ถึงความรัก  ความเมตตา  อันเป็นภาพลักษณ์ของพระเยซู  ความสุภาพ  อ่อนน้อม  ถ่อมตน  อันเป็นภาพลักษณ์ของแม่พระ  ในตัวเรา  ตัวน้อยขอภาวนาวิงวอน  พระเจ้า  โปรดแปรเปลี่ยน  ตัวน้อย  และทุกคน  โดยเฉพาะ  ผู้ศรัทธา  ให้ศํกดิ์สิทธิ์ ครบครัน  เพื่อเป็นแบบอย่าง  เป็นภาพลักษณ์  เป็นแสงเทียนส่องสว่าง  และให้ความอบอุ่นในหัวใจแก่ผุ้คน   ในเร็ววัน  อาแมน.
จงนำความรักของพระเจ้าไปป่าวประกาศ
จงนำความสุข  รอยยิ้ม  ไปแจกจ่าย
จงดับความทุกข์  คลายเศร้าให้ผองชน
จงนำผู้คนกลับมาหาพระเจ้าแท้จริง 
ส่วนหนึ่ง  ของเพลง   ที่ตัวน้อยแต่ง
เราไม่ได้ประกาศตัวเราอง  แต่ได้ประกาศพระเยซูคริสต์ว่าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า  และประกาศตัวเราเอง  เป็นทาสของท่านทั้งหลาย  เพราะเห็นแก่พระเยซู   2  โครินทร์  4:5
พระองค์ทรงอยู่ในโลก  ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาทางพระองค์  แต่โลกหาได้รู้จักพระองค์ไม่  ยอห์น  1:10
เพราะว่า   สำหรับข้าพเจ้านั้น  การมีชีวิตอยู่  ก็เพื่อ  พระคริสต์  และการตายก็ได้กำไร  ฟิลิปี  1;24
เราประกาศข่าวดี  เพื่อเป็นที่พอพระทัย  1  เธสะโลนิการ  2:4
ผู้ใดเคยได้แข็งต่อพระองค์  และชนะได้เล่า   โยบ  9:34
เอาหล่ะ  ตอนนี้  เชิญอ่าน 
 เรื่องที่ 29  ลันลา  ในวันลี้ภัย 

                    สิ่งที่ตาไม่เห็น  และหูไม่เคยได้ยิน  และจิตใจของมนุษย์  คิดไม่ถึง  คือ
                     สิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์  (1โครินทร์ 2:9)

               วันส.  22   ตค. 54   ตอนบ่ายห้าโมงกว่า  ดูข่าว  คันกั้นน้ำบางกระบือแตก  กำแพงโรงเรียนราชินีบนร้าว  อุ๊ย....ไม่ไกลจากบ้านตัวน้อยเท่าไหร่เลย  ได้เห็นน้ำทะลักท่วมเต็มถนน 

               ตัวน้อยเห็นข่าว  ใจไม่ค่อยดี  เพราะบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำ  แม้ตัวบ้านจะค่อนข้างสูง  แต่ก็ไปสวดสายประคำหกโมงครึ่ง  และร่วมมิสซาหนึ่งทุ่มต่อ  พอกลับมาบ้านพี่ชายคนเล็กโทรมา  ตัวน้อยโทรกลับไป  พี่ชายเป็นห่วงบอกให้เก็บของ  ไปอยู่บ้านพี่สาวคนกลางที่บ้านลาดพร้าว71  แล้ววัน รุ่งขึ้น  ให้พาพ่อ  แม่มาอยู่ด้วยกันที่หัวหิน

               พี่ชายคนนี้เป็นคนไม่ค่อยพูด  แต่เมื่อพูดให้ฟังแล้ว  ต้องเชื่อ  ตัวน้อยเก็บบ้าน  ของข้างล่าง  อะไรที่  ถ้าน้ำท่วม  เสียหาย  แล้วเสียใจ  อย่างเช่นหนังสือศรัทธา  ของที่ระลึกจากการไปเที่ยวประเทศต่าง ๆ  รวบรวมเก็บขึ้นไปไว้ชั้นสอง  จัดเสื้อผ้าเจ็ดคืนแปดวัน  (เหมือนไปเข้าเงียบเลย)  ขับรถไปบ้านพี่สาว  ด้วยคิดว่า  ถ้าน้ำท่วม  ถูกตัดไฟ  ตัดน้ำ  คงไม่อยากอยู่  แล้วถ้ารถคันใหม่จมน้ำ  คงเสียใจ  คงเสียดาย  รับไม่ไหว  ไปเที่ยวหัวหินดีกว่า  (ที่นั่นมีความทรงจำดี ๆ มากมาย)
คิดได้เช่นนี้  ก็เผ่นแน่บเลย  บ้านเพิ่งติดประตูลูกกรงเหล็กดัด  ติดรั้วธนูรอบบ้านเสร็จเรียบร้อย  แน่นหนามาก  ของมีค่าไม่ทิ้งไว้เลย (เป็นคนเจ็บ แล้วจำ  ทำผิดแล้ว  จะพยายามไม่ทำพลาดอีก) ไม่มีอะไรต้องห่วง  ทิ้งบ้านได้  สงสารแต่ต้นไม้แปดต้น  (ฝากพระเจ้าทรงเลี้ยงดูสิ่งสร้างของพระองค์แทนลูกด้วย  อาแมน)

              เพราะตั้งใจจะไปหัวหิน  พ่อมีนัดกับหมอ  ไปด้วยไม่ได้  แม่จึงมาเป็นเพื่อน  เพราะไม่อยากให้ลูกรัก  (ลูกสาวคนเล็ก)  ขับรถทางไกลคนเดียว  และเพราะแม่  ทำให้พี่ชายเปิดเช่าคอนโดห้องใหม่  สองห้องนอน  สองห้องน้ำ  ห้องนั่งเล่น  ระเบียง กว้างมาก  เฟอร์นิเจอร์  เครื่องใช้ไฟฟ้าครบ  ค่าเช่าอาทิตย์ละหมี่นห้าพันบาท  ดี....ตรงที่พี่ชายใจดี  เพราะเห็นแก่แม่  จ่ายค่าเช่าห้องให้  (ตัวน้อยอยู่ฟรี  ลันลา...)  แต่ที่สุดยอดกว่านั้น  เห็นวิวทะเล  สระว่ายน้ำ  พระอาทิตย์ขึ้น   สวยมาก

               การมาหัวหินครั้งนี้  สุดยอด  ชีวิตลันลา  มีความสุข...แสนสบาย จริง ๆ  ความสุขมันล้นใจจนไม่ทราบจะหาคำพูดใด  เพื่อขอบคุณ  โมทนาคุณพระเจ้าดี  อย่างไรนั้น....

               ตั้งแต่วันที่มาถึง  จนถึงวันที่เริ่มเขียน  มาอยู่ได้สามอาทิตย์กว่าแล้ว  กิจวัตรประจำวัน  ก็คือ
     ถูกปลุก  ประมาณตีสี่ตีห้า    สวดประมาณหนึ่งชั่วโมง
     หกโมงถึงหกโมงครึ่งกว่า     ว่ายน้ำไป  สวดสายประคำพระเมตตาไปด้วย
     เจ็ดโมงถึงแปดโมง               อาบน้ำ  รับประทานอาหารเช้า
     แปดโมงถึงเก้าโมง                ฝึกเล่นกีตาร์   ร้องเพลง  (ที่แต่งเอง)
     เก้าโมงถึงเที่ยง                      อ่านพระคัมภีร์เก่า (อ่านไป  หลับไป   แฮะๆ  เผื่อจะพบพระวาจา           แม้ในความฝัน...กิ้ว..)
     เที่ยงถึงบ่ายโมง                    อาหารกลางวัน  ฝึกเล่นกีตาร์  ร้องเพลง
     บ่ายโมงถึงบ่ายสาม               อ่านพระคัมภีร์ต่อ (อ่านไป  หลับไป  เช่นกัน พระคัมภีร์เป็นยานอนหลับหรือ    เปล่าเนี่ย)
     บ่ายสามโมงถึงสี่โมงครึ่ง     สวดบทพระเมตตาบ่ายสามโมงกับแม่  ของว่าง  อ่านหนังสือ ต่อ
     สี่โมงครึ่งถึงห้าโมงครึ่ง        นั่ง  หรือเดินเล่นชายหาด  พร้อมกับสวดสายประคำพระเมตตา  และสวดสายประคำพลมารีย์
     ห้าโมงครึ่ง.....                        อาบน้ำ   อาหารเย็น  ฝึกเล่นกีตาร์  ร้องเพลง  สวดก่อนนอน  ดูละคร  นอนหลับสนิท   ฝันดี  (มีคืนหนึ่งฝันร้ายว่า  ขโมยเข้าบ้านด้วยคะ  ตกใจตื่นมาตอนตีสองกว่า  โทรหาพี่ข้าง บ้าน  ให้ช่วยมองมาที่บ้านให้ที  ตอนเช้า  ขอให้พี่เขาช่วยดูอีกที  ปรากฏว่าบ้านปลอดภัยดี  เฮ่อ..โล่งอก  ขอบคุณพระเจ้า   และขอโทษพี่เขา  ที่โทรไปกวนตอนกลางดึก  ขอโทษจริง ๆ  ขอโทษจากทั้งหมดหัวใจ  คงไม่รบกวนบ่อย ๆ แน่นอน)

               ในระหว่างนี้  มีเหตุการณ์ดี ๆ สนุก ๆ มากมาย  ขอทยอยแบ่งปันให้ฟัง  เอ้ย...ให้อ่านดังนี้

ลันลาที่1   สุขอย่างไร  ก็ไม่ลืม  คิดถึงเธอ  เป็นชื่อเพลงใหม่              

               เพลงนี้  แรงบันดาลใจเกิดจาก  ข้อความพระวาจาที่อ่านพระคัมภีร์เก่า  ทำให้ได้วรรคแรกของเพลง  แล้วเนื้องเพลงก็พรั่งพรู  ออกมาจากความรู้สึกของหัวใจ
๑.ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์        ข้าพระองค์ลี้ภัยอยู่ในพระองค์  (สดุดี 7:1)
๒.ท่ามกลางน้ำล้นไม่มีลดลง           น้ำยังคงไหล่บ่าให้คนร่ำไห้
               เพราะตัวน้อยหนีภัยน้ำท่วมมา  เมื่อดูข่าว   ได้เห็น  ได้ยิน  ผู้ประสบภัย  เป็นทุกข์  ร้องไห้  หมดเนื้อหมดตัว  การใช้ชีวิตลำบาก  โดยเฉพาะข่าว  วันที่ศูนย์อพยพของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไฟดับ  ผู้คนเป็นร้อย ๆ ต้องทนทุกข์ทรมาน  ทั้งร้อน  มืด  อึดอัด  คนป่วย  คนแก่  เด็กเล็ก ๆ มากมาย   หลังจากดูข่าวแล้ว  สาย ๆ  ตัวน้อยขับรถ  เอาโน๊ตบุ๊คไปซ่อม  เพราะจริง ๆ แล้ว  วันส.ที่  22  ตค.  54  ตัวน้อยได้ส่งเมล์ข้อความไปทักทาย  คนที่มีอีเมล์แอทเดรส   ว่าวันรุ่งขึ้นจะเริ่มส่งเรื่องไปให้อ่าน  พอวันที่  23  ตค.  54  มาถึงหัวหิน  เข้าห้องพักเรียบร้อย  เปิดโน๊ตบุ๊ค  ปรากฏว่า  หน้าจอมืดสนิท  วันจ.ที่ 24  ตค.  54  ขณะขับรถไปที่ศูนย์ไอที   ของหัวหิน  หลังจากได้ดูข่าว  ตัวข่าวรำพึงคุยกับพระเจ้าว่า  “ ถ้าลูกยอมรับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์  ขอให้น้ำท่วมจบลงในเร็ววัน  ให้ผู้คนเลิกเป็นทุกข์ ได้มั๊ย  พระเจ้าข้า”   (  และ ในระหว่างขับรถได้คุยโทรศัพท์กับนายชุมพาบาลที่สาม  ยังแบ่งปันความคิดนี้ให้คุณพ่อได้ฟัง  คุณพ่อก็กรุณารับฟัง......แต่ก็ไม่ทราบว่า..คุณพ่อคิดอะไร  อย่างไร   หรือเปล่า   ไอ้ลูกคนนี้   มันช่างกล้า...  อะไรประมาณนี้หรือเปล่า)

               เพราะไม่มีเสียงตอบจากพระเจ้าเช่นกัน  คงยังไม่ใช่พระประสงค์  อาจยังไม่ถึงเวลา  เหมือนงานเขียนของตัวน้อย  อาจจะยังไม่ถึงเวลาเผยแผ่   โน๊ตบุ๊คถึงเสีย  ศูนย์ทางหัวหินซ่อมไม่ได้  ต้องรอกลับกรุงเทพ  งานเขียนจึงหยุดชะงัก   ผู้อ่านของตัวน้อยรอ..เก้อเลย  ขอโทษจริง ๆ คะ  ผิดพลาดทางเทคนิค  (เชื่อมั๊ยคะ   อีกสามอาทิตย์ต่อมา  พระเจ้าตอบตัวน้อย  ตัวน้อยไปวัดวันอาทิตย์  และหยิบอุดมสารมาอ่าน  ระหว่างรอเริ่มมิสซา   พระวาจาที่ตัวน้อยอ่านพบ  คือ   ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด  แล้วพูดกับภูเขาว่า  จงย้ายจากที่นี่  ไปที่โน่น  มันก็จะย้ายไป  และไม่มีอะไรที่ท่านจะทำไม่ได้  มัทธิว 17:20     ตัวน้อยซึมไปเลย   ความเชื่อของตัวน้อย   คงเล็กน้อย  ยิ่งกว่า  เมล็ดมัสตาร์เสียอีก  น่าอาย  น่าขายหน้าจริง ๆ  (ข้าแต่พระเจ้าข้า  ลูกขอโทษที่ความรักของลูกยังน้อยเกินไป  ขอโทษที่ความเชื่อของลูก  ช่างน้อยนิดเหลือเกิน   ข้าแต่พระเจ้าข้า  ขอพระองค์โปรดหมั่นเพิ่มพูน  สำแดง  ประจักษ์  แห่งความรัก  พระเมตตา  พระหรรษทาน  ปรีชาญาณ พระพรแห่งพระจิตเจ้า ให้ลูกได้รู้จัก   ได้รักพระองค์  มากขึ้นในทุก ๆวันเวลา  โปรดเปลี่ยนแปลงลูกให้ลูกเป็นที่สบพระทัยของพระองค์ ขอให้ลูกมั่นคง  ซื่อสัตย์ในรัก  และทำตามน้ำพระทัยของพระองค์เสมอไป  ทั้งบนแผ่นดิน  และในสวรรค์  ด้วยเทอญ  พระเจ้าข้า  อาแมน.)

๓.เพราะด้วยทรงรัก  และทรงเมตตา       ได้ทรงพาให้ข้าพระองค์ห่างภัย
๔.มีสุขด้วยรักโอบอุ้มหัวใจ                      มองฟ้าสวยใส  ทุกสิ่ง  พระเจ้าประทาน
    (สองวรรคนี้  คงไม่ต้องมีคำบรรยาย  เพราะตัวน้อยลี้ภัยอยู่ในพระองค์)
๕.อยากให้ทุกคนอยุ่ในความรักพระเจ้า     เฝ้าภาวนาให้มีใจเป็นหนึ่งเดียว
๖.ความผิดบาปใด  ขอจงอย่าไปข้องเกี่ยว  ขอจงกลมเกลียว  มุ่งหาพระเจ้าแท้จริง
๗.อยากให้รู้  สุขจริงในรักพระเจ้า              แต่ใจเศร้า  พี่น้องยังทุกข์ลำเค็ญ
๘.ขอวิงวอน  พระเจ้าคุ้มครองร่มเย็น        ขอทรงเป็น  ที่พึ่งของข้า ฯ ทุกคน.

              ตัวน้อยรักพระเจ้าแล้ว  พระเจ้าก็ทรงรัก  และเมตตาตัวน้อยมากมาย  เมื่อได้รับความรักจากพระเจ้า  ทำให้รักผู้อื่น  เมื่อรัก   ก็จะคิดถึง  เมื่อคิดถึง  จึงอยากทำอะไรดี ๆ  ให้  อย่างน้อย...ที่สุดคือ   คำภาวนาจากหัวใจ  เนื้อเพลงนี้ก็เลยเป็นแบบนี้แหละคะ   ใช้ได้ไหมคะ  ดีไหมคะ   อยากให้ฟังพร้อมทำนองด้วยจัง   ถ้ามีเสียงกีตาร์ด้วยคงดีกว่า  โทรศัพท์ตัวน้อยก็อัดเสียงไม่ได้อีกแล้ว  หน่วยความจำเต็ม  ลบแล้ว  แต่ความจำเครื่องได้ลด    ทำอย่างไรดีคะ  อยากให้ฟังเร็ว ๆ คนที่ใจร้อนน่ะ  ตัวน้อย......ตัวน้อยไม่ได้ใจร้อน   แต่ร้อนรนมาก...แฮะ   (แฮะ ๆ ของตัวน้อยแปลว่า  ตัวน้อยแลบลิ้น  ทำหน้าทะเล้น  ยิ้มแบบเขิน ๆ  นะคะ)

ลันลาที่ 2  ณ ชายหาด

               ในยามเย็นวันหนึ่ง  ที่เดินสวดสายประคำที่ชายหาด   ตัวน้อยใส่เสื้อสีขาว  เข้ารูปแบบหลวม ๆ ยาวถึงสะโพกล่าง  (ใส่กางเกงขาสั้นข้างใน)   มีระบายเป็นชั้น ๆ ที่รอบแขน  และรอบสะโพก   ในมือขวา ถือสายประคำพระเมตตา  สวดไปเรื่อย ๆ ผมเกล้าเป็นมวย  ประดับด้วยดอกลีลาวดี

               ขณะเดินเล่นชายคลื่น  สวดสายประคำไปพลางรำพึงคุยกับพระเจ้าไปพลาง  มีเสียงดังมาจากข้างหลังว่า  นางฟ้า......ขี่ม้ามั๊ย”  โธ่.  นึกว่าใคร  ที่แท้คนให้เช่าม้าขี่  นี่เอง   แหม...ถูกเรียกว่า  นางฟ้า  หัวใจก็ลันลา  ยินดี  ดีใจ  อย่างไร ชอบกล  คงเพราะ  กระแสละครเรื่อง เกมส์ร้าย  เกมส์รัก  ที่เพิ่งออกอากาศ  นางเอกชื่อนางฟ้า  หรือเพราะ....ชุดสีขาว  กับสายประคำในมือ  ก็ไม่ทราบ... ทำให้นึกถึงเกี่ยวกับคำว่านางฟ้า    หวนคิดถึงความทรงจำที่ประทับใจ   ในตอนที่เข้าสู่การหักเหของชีวิต  เมื่อไปแสวงบุญที่เวียนดนามแปดวัน

               ในเช้าวันหนึ่งของการเดินทาง  (วันที่เท่าไหร่จำไม่ได้แล้วคะ)  ตอนรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม  นั่งอยู่กับพี่สาว   แล้วนายชุมพาบาลที่หนึ่งได้กรุณามานั่งด้วย  ได้คุยกัน  แล้วตัวน้อยกับพี่สาวขอตัวไปเตรียมตัวออกเดินทางก่อน   จำได้ว่า  ตัวน้อยเดินจากมา  แล้วหันไปถามคุณพ่อว่า  “คุณพ่อ   เห็นเขา  และหางของตัวน้อยมั๊ย”   คุณพ่อตอบว่า  “เห็น...แต่นางฟ้า  กับปีก”   สงสัยคุณพ่อคงจะเห็นด้วยพระญาณสอดส่อง   ตัวน้อยได้ฟังในตอนนั้น   ก็แปลกใจ  แบบงง ๆ  เพราะว่าตอนนั้น  ยังเป็นลูกแกะตัวดำ ๆ  มีเขาและมีหางอยู่   แต่แล้ว  อีกหนึ่งเดือนต่อมา  ก็กลายเป็นลูกแกะตัวแดง ๆ เพราะได้คืนดีกับพระเจ้า  )   ตอนนี้ยังเป็นลูกแกะตัวน้อยอยู่  (เก้าเดือน)   และอยากเป็นลูกแกะตัวน้อยที่น่ารักของพระเจ้า  และผู้อ่านที่รักตลอดไป  กิ๊ว..(กิ๊วของตัวน้อย  แปลว่า  ตัวน้อยหยอดคำหวาน  เหมือนคนปากหวาน  แต่ขอโทษนะคะ  ปากกับใจของตัวน้อยน่ะ  ตรงกัน....กิ๊ว ... โกหกไม่ได้คะ  บาป....... คำไพเราะเพียงคำเดียว  ย่อมมีค่ากว่าของขวัญ  แต่คนใจกว้าง  ก็ให้ทั้งสองอย่าง”  (บุตรสิรา 18:16)

               แล้วอีกเหตุการณ์หนึ่ง   ขณะเดินเล่นที่ชายหาด   ตัวน้อยเห็นเศษขยะ  เศษแก้วสีน้ำตาลน่าจะเป็นขวดเบียร์แตก  เห็น แต่ไม่เก็บ  เพราะด้วยนิสัยเป็นคนเกียจคร้าน  และรักสบาย  ไม่อยากมือเปื้อน

               ในวันต่อมา   ได้เห็นคุณลุงคนหนึ่ง  เดินเก็บขยะที่ชายหาด  กำลังเดินสวนกัน    มีถุง พลาสติกชิ้นใหญ่ฝั่งอยู่ในทราย  แกดึงไม่ออก  ตัวน้อยเข้าไปช่วยดึง  คุณลุงมองหน้า  แล้วก็ยิ้มให้  บอกขอบคุณ  ตัวน้อยยิ้มตอบ  ยิ้มลันลา  อย่างมีความสุขที่ได้ทำอะไรดี   แม้เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ (ขอถวายพระองค์  พระเจ้าข้า)    “โปรดให้...การเสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ ของลูก  จะได้เป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า...”  ส่วนหนึ่งของคำภาวนาจากบทภาวนาแด่พระมารดาแห่งพระเป็นเจ้า  ในหนังสือบทภาวนา  และสารพระเมตตาของพระเยซูเจ้า (เล่มที่สวดอยู่)   หน้า 29

              ในวันต่อมา  ไปเดินเล่นชายหาด  ก็เห็นเศษแก้วสีน้ำตาล  ฝั่งอยู่ในทรายอีก  (ไม่ทราบชิ้นเดียวกันกับที่เห็นเมื่อวานหรือเปล่า!!!!)    ตัวน้อยก้มลงเก็บ  มือขวาถือสายประคำสวด  มือซ้ายถือเศษแก้ว  ตลอดหนึ่งชั่วโมง(เพราะมองไม่เห็นที่ทิ้งที่ปลอดภัย)  ที่เก็บ  เพราะเห็นแบบอย่างที่ดีแล้ว  ก็เลียนแบบ  แล้วด้วยความรัก จึงเป็นห่วงว่า  ถ้ามีใครมาเหยียบ  คงเจ็บแย่  แล้ว..ก็เป็นกิจการดี ๆอีก    (ขอถวายพระองค์  พระเจ้าข้า)

               ในอีกวันหนึ่ง  เมือไปเดินที่ชายหาด  เห็นท่อนไม้  มีตะปูโผล่ออกสองตัว  อยู่ห่างจากระลอกคลื่น  คิดอยู่ในใจ  ถ้าเดินกลับมา  ไม่มีใครเก็บ  จะกลับมาเก็บ  ใจหวนคิดถึง  เรื่องสั้นสะกิดใจของคุณพ่อ สุวนาถ  กรวยมงคล  ที่ได้อ่าน  ถ้าจำไม่ผิด  เป็นเรื่องเกี่ยวกับว่า  มีหินก้อนใหญ่ตกอยู่บนถนนใกล้ฟุตบาท  ทั้งรถ  และผู้คนผ่านไปมา   บางคนสะดุด หกล้ม  เตะได้แผล  มอเตอร์ไซต์ผลิกคว่ำ  แต่ไม่มีใครสักคน  ที่จะหยิบหินก้อนนี้ออกไป  

               เมื่อเดินกลับมา ท่อนไม้หัวตะปู  ยังอยู่ที่เดิม  ตัวน้อยก้มลงหยิบ  นำไปทิ้งไว้ในที่ที่ไม่เป็นอันตรายกับใคร  ก็เป็นอีกหนึ่งกิจการดี ๆ  (ขอถวายพระองค์  พระเจ้าข้า)  ..นี่คือ    สิ่งเล็กที่เรียกว่า....รัก...ใช่มั๊ยคะ     เรามาทำกิจการดี ๆ ถวายพระเจ้าแข่งกัน   แล้วเราก็จะเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอไปด้วยนะคะ.

ลันลาที่ 3  ฟ้าสวยใส
   
               ในช่วงสองอาทิตย์แรก  ตื่นมาว่ายน้ำทุกเช้า  เพราะยังไม่มีคนตื่น  ตัวน้อยอายนิดหน่อยที่ใส่ชุดว่ายน้ำ  แม่จะเป็นเหมือนพระญาณสอดส่อง  ตรวจตรา  ตั้งแต่วันแรก  ใช้สายตาเอ็กซ์เรย์  ชุดว่ายน้ำ  ตัวน้อย  สายตาบอก  โอเค  ไม่โป๊  แล้วแม่ทำมือเป็นคลื่น  เหมือนตัวS  คงแปลว่า  ส่วนโค้งส่วนเว้า  คงใช้ได้.   แฮะๆ

               ตอนอายุสิบสอง  ตัวน้อยเคยเรียนว่ายน้ำ  ด้วยท่าฟรีสไตล์  แต่หายใจไม่ได้  น้ำเต็มปากทุกที   ถ้าจำไม่ผิด  น่าจะสักสิบปีที่แล้ว  เปลี่ยนบริษัทใหม่  เงินดี  แล้วไม่ยุ่งมาก   มีเวลา  ไปเที่ยวเล่น  เพื่อนชวนไปออกกำลังกาย  เสริมสวย  และได้ว่ายน้ำ  สระว่ายน้ำอยู่ในตึก  ไม่ร้อน  ไม่โดนแดด  ถูกใจมากเลย  แม้ว่า  ว่ายท่าฟรีสไตล์ไม่สำเร็จ  แต่อย่างน้อย..ลอยตัวเป็น  ในเมื่อลอยคว่ำหน้าได้  ก็ต้องลอยหงายได้   ลองทำดู  จึงให้ว่ายกรรเชียงได้  เป็นท่าที่สบายที่สุด  เพราะหายใจได้ตลอด
แต่มีจุดอ่อน  คือ  ถ้าคนอื่นว่ายน้ำ  กระเด็นเข้าหน้า   ตัวน้อยก็..แย่เลย    ก็เหมือนกับการใช้ชีวิตของตัวน้อย  อย่างที่แบ่งปันให้อ่านไปว่า  แม้ไม่ได้รวย  แต่ก็ไม่ลำบาก  พอได้พบกับปัญหา  จึงเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส  สำหรับตัวน้อย  พระเจ้าทรงหยั่งรู้  ถ้าให้เติบโตในชีวิตของพระเจ้า  เพียงลำพัง   คงโดนปีศาจ  เอาลูกแกะตัวน้อยไป  หัน  แทนหมูแน่เลย (ชอบทานหมูหันน่ะคะ  โดยเฉพาะหนังกรอบ ๆ  มีใครชอบบ้างมั๊ยคะ)   จึงส่งนายชุมพาบาลทั้งสี่  ลูกแกะพี่เลี้ยง  และเพื่อนแกะ  มาให้มากมาย  (พระเจ้าน่ารักที่สุดในโลก..และในสวรรค์ จุ๊บ ๆ)

               เวลาว่ายกรรเชียงไป  ก็สวดสายประคำพระเมตตาไป  หายใจสบาย ๆ มองเห็นฟ้าสวย ๆ ไม่มีซ้ำ  ทุกวัน  ทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจ  ของเพลง  ในวรรคที่สี่ว่า  มีสุขด้วยรักโอบอุ้มหัวใจ  มองฟ้าสวยใสทุกสิ่งพระเจ้าประทาน  เหมือนขณะที่ว่ายน้ำ  มีน้ำโอบอุ้ม  ให้ลอยตัวได้  ทำให้คิดถึงคำภาวนาว่า  พระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์  บ่อน้ำทรงชีวิต  โปรดเสด็จมาให้ท่วมตัวลูก  ด้วยกระแสน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย  จากพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์”  จากบทภาวนาวิงวอนองค์พระบิดาเจ้า  ในหนังสือบทภาวนา พระเมตตาของพระเยซูเจ้า  (เล่มที่สวด) หน้า 16

              ตั้งแต่วันแรก  ที่ไปว่ายน้ำ  ว่ายไป  ว่ายมา  ก็ไป  จ๊ะเอ๋  กับดอกไม้สีขาว  แสนสวย  ดอกเล็ก ๆ น่ารัก  ลอยมาให้เห็น  ในสายตา  “ความรักของพระเจ้าคือ  ดอกไม้   จากบทสรรเสริญพระเมตตาพระเจ้า  ในหนังสือ  บทภาวนา  และสารพระเมตตาของพระเยซูเจ้า (เล่มที่สวด) หน้า 11  ทำให้ตัวน้อยรู้สึกว่า  มีความสุขเป็นพิเศษที่ได้ว่ายน้ำ  อยู่ในความรักของพระเจ้า

               และเพราะคำภาวนานี้  เวลาเห็นดอกไม้  โดยเฉพาะดอกสวย ๆ ตัวน้อยจะรู้สึกขอบคุณ  และซาบซึ่งในความรักของพระเจ้า  และเมื่อไปสวดที่ชายหาดในตอนเย็น   จะเก็บดอกลีลาวดีสวยๆ มาประดับที่มวยผม ไม่ได้เดินเหงา อยู่คนเดียว  แต่เหมือนกำลังออกเดทอยู่ในความรักกับพระเจ้า   และตัวน้อยชอบเก็บดอกไม้สวย ๆ ที่ร่วงหล่น  พรมอยู่บนพื้น มาแต่งพุ่มไม้สีเขียว  คราวนี้  เก็บมาลอยน้ำ  ชื่นชมอยู่ในห้องด้วย  ในห้องก็อบอวลไปด้วยความรักของพระเจ้า

               ทุกยามเย็น ที่ออกไปนั่ง (ในวันน้ำขึ้น)  เดิน (ในวันน้ำลง)  ปลายทางของสายตาจะมองไปที่เขาตะเกียบ  ซึ่งห่างจากที่พักของตัวน้อย  ตามระยะทางเดินชายหาด  ไม่น่าเกินสามกิโลเมตร  ที่เชิงเขาจะเห็นเป็นพระพุทธรูปสีทอง  ปางยืนรำพึง  ตรงกลางเขา  มีเจดีย์วัด  ตรงยอดเขา  เสาเส้นเล็ก ๆ  เหมือนเสาเป็นสายล่อฟ้า   นี่คือ  ภาพที่มองเห็นด้วยตาเนื้อ

               ส่วนใหญ่  ตัวน้อยจะเห็นด้วยตาใจ  ว่าบนยอดเขา  มี  (รูปปั้น)  พระเยซูเจ้า  สีขาวออก
ครีม ๆ เผยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง  เหมือน  รอ...เหมือน เรียก..ให้ลูก ๆ ของพระองค์มาหา  ข้าง ๆ มีแม่พระ  ยืนพนมมือ  และถัดมามีนักบุญ  คุกเข่าสวดภาวนาอยู่
              
               ทุกวัน  ในยามเช้า  ขณะพระอาทิตย์ขึ้น   แม้ ท้องฟ้ายามอัสดง   มีสีสัน  ลวดลาย  สวยๆ ทุกวัน  ไม่มีซ้ำ  บางวันเป็นรูปหัวใจบ้าง   รูปฝูงแกะบ้าง  ภาพศิลป์ที่งดงามบ้าง  ที่ประทับใจที่สุด  คือยามเย็นวันหนึ่ง   ที่เมฆลอยเหนือ  พระเยซูเจ้า(มองด้วยตาใจ)  เป็นภาพนกสีขาว ในท่ากางปีกโผบิน   เหมือนเป็นสัญญาลักษณ์ของพระจิตเจ้า  สวยงามจริง ๆ

               แล้วในวันลอยกระทง ( 10 พย. 54)  ตอนออกไปเดินเล่นชายหาด  ตัวน้อยถือแผ่นขนมปังไปอธิษฐานที่ชายทะเลว่า  “พระเจ้าข้า  ลูกขอ..ขอโทษพระองค์ในความผิดบาปของตัวเอง  และคนทั้งโลก  ขอพระองค์โปรดทรงอภัยบาป ของลูกทั้งหลาย  ลูกขอลอย...ทิ้งบาปไปกับกระทงขนมปัง  ร่วมกับทุกคน  เป็นตัวแทนของทุกคน  ขอให้มนุษย์ทุกคน  รวมทั้งตัวลูกเอง  เลิกทำบาป  เลิกทำให้พระเจ้าต้องเสียพระทัย   ทำให้พระเยซูต้องเจ็บปวด  และทำให้พระแม่ต้องโศกเศร้า”  แล้วตัวน้อยก็โยนแผ่นขนมปังไปในทะเล  ให้เป็นอาหารปลาต่อไป  (ความคิดใช้ได้มั๊ยคะ  น่ารักมั๊ยคะ  รักก็ได้นะคะ  แฮะ ๆ  แหย่เล่นคะ  อยากให้ขำ ๆ  มีความสุขเวลาอ่านน่ะคะ)

               อยู่ที่หัวหิน  ตัวน้อยไม่มีเพื่อนลอยกระทงด้วย  ทำให้คิดถึงตอนไปเที่ยวเวียดนาม  ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนมกราคม 54  หนึ่งกิจกรรมที่เราได้ทำ  ในคืนวันหนึ่ง  คือลอยกระทง  ตัวน้อยได้ลอยเป็นคู่สุดท้าย.....ทำให้คิดถึงคำภาวนาว่า  “ลูกทั้งหลายวิงวอนขอพระองค์  โปรดประทานพระหรรษทานของพระองค์แก่ลูกไว้ล่วงหน้  และโปรดหมั่นเพิ่มพูนพระเมตตาของพระองค์ให้ลูกทั้งหลาย  เพื่อลูกจะได้ปฏิบัติตามน้ำพระทัย  ของพระองค์อย่างซื่อสัตย์ตลอดชีวิต”  บทภาวนาขอพระเมตตาเพื่อชาวโลก  จากหนังสือ  บทภาวนา  และสารพระเมตตาเพื่อชาวโลก  หน้า  25

               คงเป็นเพราะบทภาวนานี้  ทำให้ตัวน้อยได้รับ..อะไรดี ๆ  ล่วงหน้าบ่อย ๆ

               ตอนกลางคืน  นั่งมองพระจันทร์คืนวันเพ็ญลอยกระทง  รู้สึก...เหงาเล็ก ๆ ในหัวใจ  จึงหยิบสายประคำมาสวดพระเมตตา  มองพระจันทร์มองไป  มองมา   เห็นแสงของพระจันทร์เป็นแฉกเหมือนกางเขน  จึงส่งข้อความไปหาชุมพาบาลทั้งสี่  ว่าเห็นเหมือนที่ตัวน้อยเห็นไหม  เพราะว่าถึงห่างไกล  แต่.... ก็อยู่ใต้ฟ้าเดียว  แม้คนละที่  คนละทาง

               ในคืนวันต่อมา (11พย. 54)  พระจันทร์ก็ยังคงเห็นเต็มดวงสวยงาม  แต่ที่ทำให้สวยกว่านั้น  คือก้อนเมฆที่กระจายงดงามเหมือนเหล่าฝูงแกะ  ตัวน้อยได้ส่งข้อความให้นายชุมพาบาลทั้งสี่  ว่า  “คืนนี้พระจันทร์ก็สวย  มีฝูงแกะรายรอบ  เห็นลูกแกะตัวน้อยมั๊ยคะ”

               คำตอบของตัวน้อย  คือ  อยากเป็นลูกแกะที่อยู่ในพระจันทร์  (จริง ๆ แล้ว เป็นกระต่ายหมายจันทร์ ช่วยมองเป็นลูกแกะแทนหน่อยนะคะ  ใช้ตาใจนะคะ  ที่  ลูกแกะหูยาว  เพราะดื้อจึงถูกดึงหูบ่อย ๆ ไงคะ )  คืนนี้  ตัวน้อยเห็นพระจันทร์ส่องแสงเป็นแฉกกางเขน  ทำให้คิดถึงว่า  วันหนึ่งเราทุกคนก็จะต้องกลายเป็นหนึ่งเดียวในพระรหัสกายของพระเยซูคริสตเจ้า  แต่วันนี้  เราต้องขอให้พระองค์ประทับอยู่ในตัวของเราก่อน  (ใช่มั๊ยคะ)

 ลันลาที่ 4 กับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ

               ในวันที่น้ำลด  มองหาดทรายเห็นปู  เห็นรูของปูลมเต็มไปหมด  วิ่ง ๆ เดิน ๆ กัน ยั้วเยี้ย   จนสงสัยอยู่ในใจ  ตอนเล็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ  เรียกปูลม  แล้วตอนโต  ตัวโต   เรียกปูอะไร   กลายเป็นปูม้า  ปูทะเลรึป่าว  (คิดแบบนี้จริง ๆ   ตัวน้อยไม่ค่อยมีความรู้รอบตัว  ชีวิตนี้  เก่งอย่างเดียวคือทำงานไกด์เก่ง  แฮะๆ   อย่างอื่น อ่อน...   ไปหมด  แม้แต่เรื่องของพระเจ้า  ยังต้องเรียนรู้  ต้องศึกษาอีกเยอะ  กบในกะลาไงคะ  กะลาใบเล็กมากเสียด้วย  จำได้มั๊ยคะ)

               หอยตัวน้อย ๆ  กลิ้งไปมาตามเกลียวคลื่นสาดซัด  เห็นแล้ว สงสัย  กลิ้งไปกลิ้งมาขนาดนี้  ไม่เวียนหัวกันบ้างหรืออย่างไร   หอยบางตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นคู่ ๆ  ตัวเล็กกับตัวใหญ่  เอ๊ะ..ใช่เปลือกเป็นหอย   ตัวเป็นปูหรือเปล่า...  เกาะเกี่ยวหมุนติ้ว ๆ ตามคลื่นซัดสาด    รักกันปานจะกลืนกิน  (ทำให้คิดถึงเพลง “อยากจะกลืนกินเธอทั้งตัว  ไม่อยากเหลือไว้ให้เธอได้กลิ่น   เอ๊ะ  สรุปว่า  ปูหอย  เขารักกันหรือ  เขากำลังกินกัน  ก็ไม่ทราบ  ทราบมั๊ยคะ  บอกหน่อยก็ดี  จะได้หาย..ไม่ทราบ)

               ในวันน้ำขึ้น  เห็นปลาเล็ก  ตัวยาว ๆ ปากยาว ๆ  ว่ายใกล้กำแพงหิน  คลื่นก็สาดแล้ว สาดอีก   แต่ตัวปลาไม่เห็นกระแทกหิน  บางวันก็เห็นปลาอาบแดด  ไม่ยอมหายใจ เสียแล้ว  เศร้าใจจัง

               แล้วกุ้งหล่ะ  ไม่เห็นเลย  แต่....อยู่ในท้องตัวน้อยหลายตัว

               จงชื่นบาน  และเปรมปรีดิ์เป็นนิตย์  ในสิ่งซึ่งเราสร้างขึ้น  (อิสยาห์  65:18)

ลันลาที่ 5  กับแม่

               ห้าปีแล้ว  ที่แม่เดินไม่ค่อยได้  ต้องผ่าเข่า ตัวน้อยทำงาน ออกจากบ้าน  เช้าหกโมงกว่า  กว่าจะกลับถึงบ้าน  สี่ทุ่มเกือบทุกวัน  พี่ ๆ จึงให้แม่ไปอยู่กับพี่สาวคนกลาง   และเมื่อได้มาอยู่กับแม่อีกครั้งหนึ่ง  ตัวน้อยต้องตามใจแม่   ต้องทำให้ถูกใจแม่    ดังนั้น    ต้องรู้ใจแม่ก่อน

               แม่ของตัวน้อยเป็นคน....
๑.สะอาด   ดังนั้น  หลังอาหารเช้า  ตัวน้อยจะกวาดห้องทุกวัน แม่กวาดไม่ไหวแล้ว  เจ็บข้อมือ    เพราะขัดตา  ก็ขัดใจ  ถูกตา  ก็ถูกใจ  (ไม่อยากฟัง  แม่บ่น ก็อย่าให้ขัดตา  ทำอะไรต้องเร็วทันใจแม่)   ก่อนแม่จะไปอยู่กับพี่สาว   แม่ทำงานบ้านให้ทุกอย่าง   แม้กระทั่งปัดรถ  ล้างรถ ( ถ้าสกปรกนิดหน่อย)   ถ้าเป็นวันหยุด  อาหาร  ของว่าง  แม่เอามาให้...ถึงห้องนอน  แม่เลี้ยงตัวน้อยแบบเรียนอย่างเดียว  ทำงานอย่างเดียว  ที่เหลือแม่ทำให้หมด   เพราะแม่เป็นคนขยัน  ชอบทำงาน  ไม่ชอบเที่ยว  ตัวน้อยเลยสบายมาก ๆ พอแม่ไม่อยู่ด้วย  ต้องทำเอง  ทำได้  แต่เหนื่อยมาก  ( แล้วพระเจ้าได้ประทานพี่สาวคนโตที่น่ารัก  มาทำบ้านให้เดือนละครั้ง)
๒.มีระเบียบ  ไว้ของเป็นที่เป็นทาง   อันนี้ติดเป็นนิสัยของตัวน้อยอยู่แล้ว  แค่ระวังเพิ่มอีกนิดหน่อย
๓.ประหยัด   แม่  เป็นแม่บ้านตลอดชีวิต  ไม่เคยหาเงินเข้าบ้าน  แต่มีเงินเก็บเป็นล้าน ๆ  ส่วนมาก  ก็ได้จากลูก  โดยเฉพาะตัวน้อย  พอทำงานได้เงินมาทุกทัวร์  จะให้แม่เป็นคนนับ  และบอกแม่ว่า  อยากได้เท่าไหร่  ก็หยิบไปได้เลย   แม่ตัวน้อย  เป็นแม่ที่น่ารัก   ให้เท่าไหร่  ก็ไม่เสียดาย   เพราะแม่ไม่ใช้  เก็บอย่างเดียว  ไม่ชอบเที่ยว  ชอบอยู่บ้าน  ชอบทำงาน  อยู่เฉย ๆ ไม่เป็น หลาย ๆ ปีผ่านไป   แม่ไม่รู้จะกลับไปหาพระเจ้าวันไหน   คืนเงินให้ตัวน้อย     อู้ฮู  ตัวเลข.. เจ็ดหลักทีเดียว

               ด้วยความเป็นลูกสาวคนเล็ก  แม่รักมาก  ห่วงมาก  (เป็นพิเศษ )  ก่อนกลับใจ  ตัวน้อยค่อนข้างดื้อ   ถึงดื้อมาก   อะไรที่แม่สอน  จะ...ไม่ทำ  เช่น  หลังล้างจาน  อาบน้ำ  อ่างล้างหน้า  ใช้แล้ว  ให้เช็ดแห้งทุกครั้ง   ตอนแม่ไปอยู่กับพี่สาวใหม่ ๆ  ตัวน้อยจะไม่ทำ  ทุกครั้งที่โทรศัพท์คุยกัน
แม่จะสอน  จะเตือนเรื่องเดิม ๆ  ฟังเป็นครั้งที่ร้อย  ที่พัน  เบื่อมาก  ถึงมากที่สุด  แต่..  พอไม่ทำ  มันเป็นคราบน้ำ  สกปรก  ขัดตาตัวน้อย   ในที่สุด...ก็ต้องทำความสะอาดทุกครั้ง  เหมือนที่แม่พร่ำสอน

               เรื่องที่ตัวน้อยยังดื้ออยู่   คือเรื่องเงิน   แม่จะสอน  จะพูดกรอกหูอยู่ประจำ   ให้ระวังเรื่องการใช้เงิน  จะยกตัวอย่างเดิม ๆ   คือเพื่อนของแม่รวยเป็นร้อย ๆ ล้าน   ตอนแก่แทบหมดตัว ลำบากมาก บ้านไม่มีจะอยู่   เพราะแม่เป็นคนประหยัด  (ตัวน้อยจึงติดนิสัยงก ๆ มานิดหน่อย แฮๆะ..)   แม่จะใส่ถุงทาน  อาทิตย์ละสิบบาท   ตัวน้อยได้แบบอย่างแบบนี้   ตัวน้อยใส่ยี่สิบ   สักสิบปีก่อน  ตอนช่วงทำบุญทำสังฆทานสายพุทธ   ทำทีเป็นร้อย ๆ   กลัวพระเจ้าน้อยใจ   ตัวน้อยทำสายพุทธเท่าไหร่  ก็จะทำบุญสายคริสต์เท่าๆ กัน  พอ ๆ กัน  (ตัวน้อยเป็นคนยุติธรรม  รัก ก็รัก  เท่า ๆ กัน แฮะ ๆ  )   หลายปีก่อน  ตัวน้อยเห็นพี่คนหนึ่ง  เป็นเจ้าของร้านอาหาร  ศรัทธามาก  ใส่ถุงทานร้อยหนึ่ง   ตัวน้อยได้คิด   ขนาดพี่เขาใส่ร้อยหนึ่ง  ตัวน้อยก็ใส่ร้อยหนึ่งมั้ง  (ต้องทำความดีแข่งกัน  นิดนึง  ใช่มั๊ยคะ)

                 อย่างเวลาไปงานศพ  ใส่ซอง แม่จะถามใส่เท่าไหร่  ห้าร้อยก็พอแล้ว   ตัวน้อยใส่พันหนึ่ง  (ดื้อ   แบบนี้  ต้องแก้บาปมั๊ยคะ   เพราะเมื่อกลับใจ  ตัวน้อยได้รับความรัก  อย่าง...จุใจ   ได้เรียนรู้ถึงการให้   เมื่อให้..ควรให้ด้วยความยินดี   และทำให้ผู้รับยินดี  ดังนั้น  ต้องให้มากกว่าที่เขาคาดหวัง  ตามกำลัง  ตามความพอใจ... )  “ แต่ละคนช่วยเหลือตามใจสมัคร”  เอสรา 1:6

               มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ตัวน้อยคงไม่ลืม  ไปจนวันตาย   คือ   ตัวน้อยทำแม่ร้องไห้   น่าจะสักสองปีที่แล้ว    คุยโทรศัพท์กับแม่  แม่เตือน  สอน  เรื่องเดิมๆ  (ครั้งที่หมื่น หรือแสน แล้วละมั้ง )  ทุกทีตัวน้อยจะฟังด้วยความอดทน  (หลังกลับใจเรียกว่า  ฟังด้วยความสงบใจ)   วันนั้น  ตัวน้อยวีนแตก  พูดกับแม่แรงมาก   แม่ร้องไห้   แล้วผ่านไปชั่วโมงกว่า  แม่โทรมาบอกว่า  “แม่ยังร้องไห้ไม่หยุด”   ตัวน้อยก็เสียใจอยู่   ตัวน้อยบอกกับแม่ว่า  ตัวน้อย  ขอโทษ   ตัวน้อย  เสียใจ   และจะไม่ทำอีก   ตัวน้อยให้รางวัลปลอบใจ   หมื่นหนึ่ง”   แม่ชอบ...ถูกใจ...  หายเสียใจ   หายร้องไห้   ดีใจ  อยากร้องไห้บ่อย ๆ เลยมั้งทีนี้  ( ช่วงที่อยู่ด้วยกัน  ให้แม่นับเงินให้  ถ้าทัวร์ไหนได้มาก  แม่ดีใจนอนไม่หลับเลยคะ  แม่บอก)

                เหตุการณ์นี้  ทำให้ตัวน้อยเสียใจมาก  และ เวลาตัวน้อยทำบาป  หรือแม้เผลอ พูดจาไม่ดี กับใคร ๆ  เพราะทำให้เขาเสียใจ  ก็เท่ากับทำให้พระเยซูเจ้าเสียใจ   ทำให้คนที่รักเสียใจ  ตัวน้อยเสียใจยิ่งกว่า  (น้ำตาร่วงเพาะ ๆ ทุกทีเลยคะ เวลาแก้บาป ด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ถึงบาปจากหัวใจ  ตัวน้อยถึงไม่อยากทำบาป  เฝ้าภาวนาเช้าค่ำ  ขอให้ทุกคนเลิกทำบาป  เพราะ ไม่อยากให้ทุกคนรวมทั้งตัวเอง  ทำให้พระเจ้าเสียใจ  ไม่อยากทำให้กางเขนที่พระเยซูทรงแบกบาปของมนุษย์ทุกคนหนักขึ้น   ไม่อยากทำให้แม่พระโศกเศร้า  เลิกทำบาปกันเถอะนะคะ  ตัวน้อยขอวิงวอนจากทั้งหมดของหัวใจ)  “ขอโปรดให้ลูกทั้งในเวลานี้  และเป็นต้นก่อนที่ลูกจะตาย  ได้มีความเป็นทุกข์ถึงบาปอย่างแท้จริง  ให้ลูกสารภาพบาปอย่างครบถ้วน  และจริงใจ  ให้ลูกใช้โทษบาปได้อย่างเหมาะสม  และได้รับการอภัยบาปทั้งสิ้นด้วยเทอญ  อาแมน.”   และ  ด้วยพระมหาทรมานของพระองค์  เพื่อว่าน้ำตาแห่งความเป็นทุกข์  เพราะบาปจะได้เป็นอาหารของลูกทั้งวัน  และคืน  ...”   จากหนังสือ  บทภาวนาพระเมตตาของพระเยซูเจ้า  (เล่มที่สวด)หน้า  23 ,51    คงเพราะสวดแบบนี้  ทำให้ ตัวน้อยน้ำตาร่วงเพาะ ๆ  เพราะเป็นทุกข์ถึงบาป   คุณเคยร้องไห้  เพราะเป็นทุกข์ถึงบาป เหมือน ตัวน้อย ไหมคะ

               อีกเรื่องหนึ่งที่ตัวน้อยเสียใจ   พระเจ้าสอนให้เรารักทุกคน   โดยนิสัยตัวน้อย  ไม่ค่อยชอบคนแก่  กับเด็ก   ไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนยากจน  เพราะงานที่ตัวน้อยทำ  ลูกทัวร์ที่มาเที่ยว  ล้วนแต่สุขภาพดี  แม้ผู้สูงอายุของญี่ปุ่น  ทุกคนจะช่วยเหลือตัวเองได้  ไม่ชอบพึ่งพา  หรือเป็นภาระของใครแล้วเขามาเที่ยว   บรรยากาศของการท่องเที่ยว  มันมีพื้นฐานของความสุขอยู่แล้ว  

                  เพราะตัวน้อยเป็นลูกคนเล็ก  ไม่มีน้อง  ไม่เคยต้องเลี้ยงหลาน   เล่นกับเด็ก ๆ ลูกทัวร์  ก็เล่นประเดี๋ยว  ประด๋าว   ปู่ย่า  ตายาย  ก็เสียไปหมด  ตั้งแต่เล็ก ๆ  ตัวน้อยไม่คุ้น..ไม่ได้สัมผัส  กับคนแก่  คนเจ็บ  จนกระทั่งได้เข้าร่วมทำกิจการพลมารีย์   ได้ไปเยี่ยม  คนชรา  คนเจ็บป่วย   คนยาก จน

                  ตัวน้อย....บอกความรู้สึกไม่ถูก...  แน่นอน  ไปด้วยความรัก   ความเมตตา  แต่....ไม่กล้าคลุกคลี  ใกล้ชิด  ตัวน้อยประทับใจ  พี่พลมารีย์คนหนึ่ง  พี่เขาเป็นคนร่าเริง  เสียงดัง  ไปสวดบ้านไหน  ก็คุยเล่น  ทำให้ผู้คน  ยิ้ม   หัวเราะได้   วันหนึ่งที่ไปสวด   พอสวดเสร็จ  พี่เขาคุยเล่น  ลูบเนื้อ  ลูบตัว  คุณยายที่ไปเยี่ยม  แล้วพี่เขาก็พูดว่า  “พระเยซู  อยู่ในคนพวกนี้แหล่ะ”   เหมือนฟ้าผ่าเข้ากลางหัวใจตัวน้อยเลย  ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ  หรือดูหนังก็เคยพบกับเรื่องนี้แล้ว  วันนี้ ร่วมเหตุการณ์ จริงเลย   (ทุกสิ่งที่ท่านได้ทำ  แก่พี่น้องเราที่ต้อยต่ำ  ท่านได้ทำ  กับตัวของเราเอง)

                  ทัวร์สุดท้าย  น้ำเริ่มท่วม  ลูกทัวร์ของตัวน้อยเหลือ  แค่คุณยายสี่คน   ที่ผ่านมา  ทำลูกทัวร์จำนวนมาก   คนที่เดินเร็ว  จะเดินติด ตัวน้อย   คนที่ช้า  หรือเดินช้า  ก็จะอยู่ในระยะสายตา
ทัวร์นี้  คุณยายสาวน้อยที่สุดแปดสิบสอง  เดินก้าวละหกนิ้ว    ตัวน้อยต้องเดินช้ามาก ในสเต็ป  หอยทากป่วย (คือ  การเดินจงกรมขั้นเทพ   ระดับหก  ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น  ยก  ย่าง  เยื้อง  เหยียด  แตะ เหยียบ)   เวลาลงขั้นบันได  ต้องช่วยประคอง  ประคบประงม  ราวกับราชินีเลยทีเดียว

                   พอได้กลับมาอยู่กับแม่  ที่แก่เฒ่า  และเจ็บป่วย   เห็นแม่เดิน  แม่เดินได้แย่กว่าลูกทัวร์คุณยายแปดสิบสองเสียอีก  ทั้งที่แม่อ่อนกว่าตั้งสองปี  ตัวน้อยไม่ค่อยรักแม่....  มากเท่ากับที่แม่รัก  และห่วงตัวน้อย   ตัวน้อยคิดถึงพระวาจาที่ว่า  “ถ้าเจ้าบอกว่า  รักพระเจ้า  ของเจ้า   แต่เจ้าไม่รัก  ไม่ดีกับ   พี่น้องที่เจ้าเห็นได้   แล้วจะบอกว่ารักพระเจ้า  ที่เจ้ามองไม่เห็นได้อย่างไร” 

                   ดังนั้นก่อนที่จะรัก  จะดีกับคนไกลตัว   ต้องรัก  ต้องดีกับคนใกล้ตัวก่อน (ใช่มั๊ยคะ)

                  เมื่ออยู่กับแม่  ต้องตามใจแม่   ต้องทำให้ถูกใจแม่  หลายครั้ง ที่ตัวน้อยทำโน่น  ทำนี่  ก่อนที่แม่จะบอก   และทำตั้งแต่แม่บอกครั้งแรก   หลายครั้งที่ตอบสวน  เถียง....ในใจ   สงบปาก  สงบใจไว้  ไม่อยากทำให้แม่เสียใจอีก

               วันอาทิตย์แรกที่ไปอยู่หัวหิน   ตัวน้อยอยากไปวัด (เพราะเดี๋ยวนี้จะไปวัดทุกวัน  ที่ไม่ได้ไปทำงาน   ไปอยู่หัวหิน  วันธรรมดา ไม่ได้ไปวัดเลย   คิดถึงพระเยซูในศีลมหาสนิทจะแย่)   แม่ขอ...อย่าไป   เดี๋ยวกลับมารถไม่ได้ที่จอดในร่ม  (แม่หวงรถ แม่ไม่ค่อยศรัทธา)   ตัวน้อยส่งข้อความหานายชุมพาบาลทั้งสี่   ได้รับคำตอบกลับมา  แนะนำว่า   อย่างน้อย  ให้สวด  และอ่านพระคัมภีร์แทน   ตัวน้อยไปนั่งอ่านพระคัมภีร์  ให้แม่ฟัง   นายชุมพาบาลที่สามบอกให้อ่าน พระวรสารนักบุญลูกา   บทที่สิบห้า  เรื่องลูกล้างผลาญ  ตัวน้อยอ่าน   น้ำตาไหล ใช้มือปาดน้ำตา  น้ำมูก  เสียงอ่านสั่นเครือ แม่คงเห็น   ตอนหลัง  แม่พูดบอกว่า   แม่จะไม่ฝืนใจลูกมากเกินไป”  และในวันอาทิตย์ต่อ ๆ ไป  แม่ยอมให้ไปวัด  และกลับมา  รถได้จอดในร่มทุกครั้ง  ขอขอบคุณพระเจ้า  และขอบคุณแม่ด้วย

เมื่อได้อยู่ด้วยกัน  ตัวน้อยจะแหย่ แม่   ให้ยิ้ม  ให้หัวเราะ   แม่ตัวน้อยก็น่ารัก  เวลาตัวน้อยทำอะไรถูกใจแม่   แม่จะปรบมือให้   เวลาร้องเพลง   เล่นกีตาร์ เป็นเพลงบ้าง   ยังไม่ค่อยเป็นเพลงบ้าง  แม่จะปรบมือให้  จนบางที  ทั้งเล่น  ทั้งร้อง  จนเหนื่อย  ก็หยุด   แม่ฟังเพลิน  หรือดูโทรทัศน์เพลิน  ก็ไม่ทราบ  ตัวน้อยจะทวง  “แม่  ตบมือยัง”  แม่จะหันมายิ้มตาหวาน  ตบมือเปาะแปะให้  เวลาแม่ยืนล้างจาน  (ตัวน้อยเป็นคนเตรียมอาหาร  และเก็บ  เช็ดโต๊ะ)   ตัวน้อยจับบ้าง....ทุบเบา ๆ แบบหมั่นเขี้ยวบ้าง...เกาเหมือนเกากีตาร์บ้าง  ที่ก้นแม่  แม่จะบอก  “มาแอบเช็ดมือ  หล่ะซิ”    ตัวน้อยก็หัวเราะ  แม่ก็หัวเราะเอ็นดูลูกสาว (ตัวน้อยเอามือส่วนที่สะอาด  สัมผัสแม่หรอกคะ)

               เกือบหนึ่งเดือน)   ได้กลับบ้านของตัวน้อยที่กรุงเทพ  เพราะบ้านลาดพร้าว  พี่สาวคนโต  กับหลานสาว  บ้านน้ำท่วม  จึงมาอยู่ที่บ้านนี้ของพี่สาวคนกลาง  คนอยู่กันมาก   แม่จึงมาอยู่บ้านตัวน้อย  ดีที่หนึ่งอาทิตย์ก่อน  พี่สาวทั้งสอง  และหลานอีกสองคนแวะมาทำความสะอาดบ้านให้  ตู้เย็นราขึ้นเขรอะเลย  (ไม่ทราบ  จะขอบคุณพระเจ้าอย่างไรดี  พี่สาวทำให้  ตัวน้อยไม่ต้องทำเอง  รักพระเจ้าที่สุด  จุ๊บ ๆ )  

               ห้าปี...บ้านที่ไม่มีแม่   บ้านก็.....สกปรก  เพราะคราบฝุ่น รกนิดหน่อย  เพราะหนังสือศรัทธที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ถูกใจแม่  ตัวน้อยต้องทำความสะอาด  เก็บบ้าน  จัดบ้าน แม่ช่วย ทำ
เบา ๆ ในส่วนที่แรงแม่ทำได้    ห้าวันผ่านไป   บ้านก็สวย  ใส   สะอาดตา   สบายใจ  ทั้งแม่และตัวน้อย  ( อยากเชิญคุณพ่อ มาเยี่ยมบ้านตัวน้อยอีกครั้งจังคะ  แฮะ ๆ   มีคุณพ่อสามองค์ได้มาเยี่ยมบ้าน  ตอนนั้น  บ้านมอมแมม  ตัวน้อยอายจัง...)
 
               กลับมาบ้าน  ทำข้าวผัดปูให้แม่ทรับประทานาน  แม่ชม  ยกนิ้วโป้งให้  บอกว่า อร่อย รสที่แม่ชอบเลย  (ฮึ  ...ฮึ....ตัวน้อยไม่ค่อยได้ทำกับข้าว  จริง  ๆ ทำกับไม่เป็นหรอกคะ  คิดเอาว่าน่าจะใส่อะไรบ้าง  ถามเอาบ้าง แล้วใส่ปรุงแบบกะ ๆ เอา  แต่เวลาทำ  คนที่ได้ทาน  จะบอกว่าอร่อย   แฮะ ๆ  เคล็ดลับ  มันอยู่ที่....รสมือ   และหัวใจรักที่ใส่ลงไป...ใครได้ทาน..เลยต้องบอกอร่อย   กลัวตัวน้อยเสียใจหรือเปล่าเนี่ย)   นั่งพิมพ์งานอยู่นี่  แม่เดินผ่านมา  บอก  “ ลูกสาวแม่  ไม่แต่งหน้า  ก็สวย  เหมือนกบ”  ตัวน้อยทำหน้าสงสัย  กบไหน....แม่บอก  “กบ  นางงาม”  อ้อ..กบ  ประภัสรา   ตัวน้อยฟังก็ยิ้ม  ขำ ส่ายหน้า  ไม่เห็นด้วย ( สงสัยที่ว่าเหมือน   เพราะมีสองตา  หนึ่งจมูก  หนึ่งปากหล่ะมั้ง)เพราะไม่เคยคิดว่า  ตัวเองเป็นคนสวย  หรือ  น่ารัก   แต่ในสายตาของแม่   ในสายของคนที่รักตัวน้อย   ตัวน้อยสวย....น่ารักเสมอ  (เวลาตัวน้อยพูดว่า  ตัวเอง  ไม่สวย  ไม่น่ารัก   ลูกทัวร์ตัวน้อย   ส่วนใหญ่  ส่ายหน้า  ไม่เห็นด้วยกับตัวน้อย  ทุกที   แบบนี้   แปลว่า   ลูกทัวร์  รัก....เอ็นดูตัวน้อยซิคะ  ใช่มั๊ยคะ)  ในสายตาของพระเจ้าที่รักลูก ๆ ของพระองค์  ไม่ว่าลูก ๆ จะเป็นอย่างไร  ทำผิดอะไร  พระองค์ก็ยังรัก  และพร้อมให้อภัยเสมอ

               การที่พระเจ้าทรงจัดให้แม่มาอยู่กับน้อย  ทำให้บ้านสะอาด  สมกับเป็นบ้านที่พระเจ้าอวยพร  เมื่อปลายเมษายน  ถ้าจำไม่ผิด  ตัวน้อยได้มีโอกาสรับประทานกลางวันกับนายชุมพาบาลที่สอง  หลังอาหาร  ซีสเตอร์พาไปร้านหนังสือศรัทธา  กรุณาแนะนำหนังสือดี ๆ หลายเล่ม   คงอยากให้ซื้อหนังสือไปอ่าน  ตอนนั้น  ตัวน้อยมีหนังสือหลายเล่มที่ยังไม่ได้อ่าน  (ติดดื้อเล็ก ๆ อยู่)  ซื้อของแต่งบ้านน่ารักถูกใจแทน  เขียนว่า  GOD  BLESS  OUR  HOME.  ถ้าบ้านมอมแมม  คงไม่เหมาะสมที่จะเป็นบ้านที่พระเจ้าอวยพร  พระเจ้าจึงส่งแม่มาจัดการ  ทำให้บ้านสะอาดเรียบร้อย  และตัวน้อยก็ได้วินัยในการดูแลบ้าน  เฉกเช่นเดียวกับหัวใจของเราทุกคน  ก็เป็นที่ประทับของพระเจ้า  ต้องหมั่นดูแล  ให้สะอาด  สวยงาม  ไม่ทำบาป  ถ้าทำบาป  ก็แก้บาป  อย่าสะสมบาป  ให้หัวใจสกปรกมอมแมม  พระเจ้าคงน่าสงสารแย่  ถ้าเราปล่อยให้พระองค์อยู่ในบ้านที่สกปรก  เพราะไม่ว่าอย่างไร  พระเจ้าก็ไม่ทิ้งลูก ๆ ของพระองค์   ดูแลหัวใจกันให้ดี ๆ นะคะ  จะได้เป็นหัวใจที่พระเจ้าอวยพร                                                                                    
              การได้ใช้เวลาร่วมกัน   การได้สร้างความสุข  สร้างรอยยิ้ม  สร้างเสียงหัวเราะ  ให้กันและกัน   จะกลายเป็นความทรงจำดี ๆ  ให้หวนคิดถึง  โดยเฉพาะ  ในวันที่ฟ้าเป็นสีเทา  (ใช่มั๊ยคะ)

               จบดีกว่า...  ลัลลา....ในวันลี้ภัย  เรื่องราวหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนเขียนได้หนึ่งเรื่อง เหมือนการได้ไปเข้าเงียบ  แต่ไม่เงียบ    สิบสี่หน้า    อ่านเหนื่อยไหมคะ  ขอบคุณนะคะ  หวังในใจว่า...คงทำให้ท่านมีความสุข  ยิ้มได้  และรักพระเจ้าได้มากขึ้น

ข้าพเจ้าอธิษฐานภาวนา  เพื่อให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน (ยอห์น 17:21)
จงมีความอดทนในความทุกข์ยาก  จง พากเพียรในการภาวนา  (โรม 12:12)
องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงแสดงพระอานุภาพ  แก่ผู้รับใช้ของพระองค์  แต่จะทรงพิโรธต่บรรดาศัตรู   อิสยาห์  16:14
ผู้ใดที่ไม่ต่อต้านทาน  ผู้นั้น  ก็เป็นฝ่ายท่าน  ลูกา  9:50
ขอพระเจ้าโปรดให้ท่านมีความรักต่อทุกคน  (1 เธสะโลนิกา 3:12)

                                              Good  night  and  God  bless  you.ka.

                                                                 ลูกแกะตัวน้อย.

12.  2.  2012   วันส่งเมล์ 

พบกันใหม่  วันอังคาร  กับเรื่องที่  30  รักแท้
===================================================================

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น