สัวสดีคะ ผู้อ่านที่รัก “สัญญาต้องเป็นสัญญา สัญญาจะมาต้องมา” เป็นข้อความในเพลงหนึ่งของเบริด์ธงไชยที่ตัวน้อยชอบ ไม่ทราบรู้จัก...จำกันได้หรือเปล่าคะ สำหรับตัวน้อยเมื่อสัญญาจะส่งเมล์ ก็ต้องส่ง ขอโทษที่ดึกไปหน่อย ตัวน้อยเพิ่งกลับมาจากฉลองวัดนักบุญดอนบอสโก ตอนช่วงเช้าก็ไปวัดพระจิต วันนี้เป็นวันที่ใช้เวลาเพื่อพระเจ้าทั้งวัน เมื่อวานก็ใช้เวลาเพื่อแม่พระทั้งวัน สมองตัวน้อยหลับไปยี่สิบเปอร์เซนต์แล้ว แต่ต้องตรวจทาน และเพิ่มเติมพระวาจา รวมทั้งอยากจะคุยทักทายสักนิด มีใครคิดถึง มีใครรออ่านเรื่องของตัวน้อยหรือเปล่าน้า.... ขอขอบคุณเมล์ที่ส่งมาให้กำลังใจ และอวยพร ตัวน้อยจะมีความสุขมาก ๆ ถ้าได้รับเมล์จากผู้อ่าน ตัวน้อยไม่อยากคุยคนเดียว เขียนส่งมาคุยกันบ่อย ๆนะคะ ตัวน้อยเหนื่อย และง่วงมาก ขอคุยแค่นี้ก่อนนะคะ
เรามิได้แสวงที่จะทำตามใจของเรา แต่ทำตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้ทรงส่งเรามา ยอห์น 5:30
ถ้าเจ้าแสวงหาปัญญาดุจหาเงิน และเสาะหาปัญญาอย่างหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ นั่นแหละเจ้าจะเข้าใจความยำเกรงพระเจ้า และพบความรู้ของพระเจ้า เพราะพระเจ้าประทานปัญญา ความรู้ และความเข้าใจมากจาพระโอษฐ์ของพระองค์ พระองค์ทรงสะสมสติปัญญาไว้ให้คนเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นโล่ให้แก่ผู้ที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ สุภาษิต 2:2-7
ตอนนี้เชิญอ่าน
เรื่องที่ 25 บทเพลงจากสวนจิตริน
พระเจ้าทรงทำงานผ่านผู้รับฟังพระวาจา นำไปปฏิบัติ และแบ่งปันประสบการณ์ วิถีชีวิต
ใหม่ ตาม พระวาจาแก่ผู้อื่น (ข้อคิด จากไบเบิ้ล ไดอารี่ 19 กย. 54 )
ระหว่าง เข้าเงียบที่สวนเจ็ดริน 9-16 มิย. 54 กิจวัตรของตัวน้อย คือ
ตื่นกลางดึก แล้วแต่ จะถูกปลุกขึ้นมาสวดกี่โมง
หกโมง อาบน้ำแต่งตัว
เจ็ดถึงแปดโมง อาหารเช้า
แปดถึงเก้าโมง รำพึงภาวนาพระวาจา ตอนที่สาม ในสวน
เก้าถึงสิบโมง สวดพลมารีย์ สวดสายประคำ หน้าถ้ำพระแม่มารีย์
สิบถึงสิบเอ็ดโมง รำพึงภาวนาพระวาจาตอนที่สี่ ในสวน
สิบเอ็ดถึงเที่ยง พักผ่อน หรือ สวดสายประคำพระเมตตา หรือรำพึงภาวนาพระวาจาตอนที่ห้า
เที่ยงถึงบ่ายโมง อาหารกลางวัน
บ่ายหนึ่งถึงสอง รำพึงภาวนาพระวาจาตอนที่ ห้า หรือหก ในสวน
บ่ายสองถึงสาม พบผู้นำวิญญาณ (นายชุมพาบาลที่สี่)
บ่ายสามถึงสี่ สวดพระเมตตาบ่ายสาม รำพึงภาวนาพระวาจา ตอนที่หนึ่ง
สี่ถึงห้าโมงเย็น รำพึงภาวนาพระวาจาตอนที่สอง
ห้าถึงหกโมงเย็น พักผ่อน หรือ เดินรำพึงเขาวงกต
หกโมงถึงหกโมงครึ่ง มิสซาในวัดน้อย
หกโมงครึ่งถึงสองทุ่ม อาหารเย็น อาบน้ำ
สองทุ่ม สวดก่อนนอน พักผ่อน นอนหลับ
ตัวน้อยไปเข้าเงียบคนเดียว ครั้งแรกในชีวิต แต่สามารถวางแผนการรำพึงได้แบบนี้เพราะเมื่อ 22-29 พค. 54 ได้ไปวิปัสนาธรรมที่ วัดห้วยส้ม กับเพื่อนไกด์ โดยรถบขส. เพราะ เพื่อนไกด์ที่สนิทชวนมาเป็นเวลาสองปี และว่างเพราะการปราบปรามการชุมนุมของเหล่าเสื้อแดง ทำให้ไม่มีงานราวสี่เดือน ด้วยความที่เป็นคนชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จึงลองไปดู ตื่นตีสี่ นอนสี่ทุ่ม สวดมนต์ ทำสมาธิ เดินจงกรม วันละหกรอบ รอบละครึ่งชั่วโมงถึงสี่สิบห้านาที สมาธิรอบยาวที่สุดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ( รู้สึกเหมือนถูกฝึกเป็นทหารเลยคะ) ตัวน้อยเกือบทนไม่ไหว แต่ด้วยเป็นคนมุ่งมั่น ทำอะไร จะทำให้ถึงที่สุด ทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม และด้วยการวิปัสธรรมนี้เอง ทำให้ได้สำนึก หลายเรื่อง คือ
หนึ่ง. ในเมื่อถูกเลือกให้เกิดมาเป็นคริสตชน ต้องกลับมาหาพระเจ้า (ตามเรื่องที่สิบเอ็ด)
สอง. ทำให้การเข้าเงียบครั้งแรกที่ หัวหิน ของคณะพระหฤทัย แบบพระหฤทัยพระเยซูเจ้า เจ็ดคืนแปดวัน มีพระสงฆ์สี่องค์ ซีสเตอร์สามสิบกว่าท่าน(ทำให้ตัวน้อยได้พบนายชุมพาบาลที่สอง) และฆราวาสแค่สองคน คือตัวน้อยกับพี่สาวคนโตที่ไปเป็นเพื่อน กิจกรรมคล้ายวิปัสนาธรรมเลย คือรำพึงภาวนา วันละประมาณหกรอบ ครั้งสี่สิบนาที และอ่านพระคัมภีร์อีกสิบนาที ( ถ้าไม่ได้ผ่านการฝึกวิปัสนาธรรมมาก่อน ตัวน้อยคงนั่งรำพึงภาวนานิ่งๆ นานตั้งห้าสิบนาทีไม่ได้แน่ ๆ)
สาม. ทำให้เดินทางไปเข้าเงียบคนเดียว ที่สวนเจ็ดรินได้ เพราะเคยนั่งรถบขส.ไปกับเพื่อน รู้วิธี รู้ทางแล้ว จึงไม่กลัวที่จะไปคนเดียวครั้งแรกในชีวิต นายชุมพาบาลที่สองกรุณามารับที่สถานีบขส. พาไปรับประทานอาหารกลางวัน ร้านอาหารสวย บรรยกาศดี และอร่อยมาก แล้วจึงพาไปส่งที่สวนเจ็ดริน อะไรไม่ดีใจเท่า ความรัก และเมตตาที่ได้รับจากพระเจ้า และซีสเตอร์ แม้แต่วันกลับที่ขวัญเสียเพราะขโมยเข้าบ้าน ได้ขอให้เพื่อนไกด์มารับ และไปส่งที่ท่ารถให้ เห็นไหมคะ ทางของตัวน้อยราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบ พระเจ้าทรงน่ารัก เมตตาลูกของพระองค์ขนาดไหน และได้นำวิธีการวิปัสนาธรรม...การเข้าเงียบ แบบพระหฤทัยมาประยุกต์ ปฏิบัติได้
เห็นการปูทางของพระเจ้าไหมคะ ว่ายอดเยี่ยมเพียงใด ตอนที่ได้พบนายชุมพาบาลที่สามครั้งแรก ระหว่างที่คุย แบ่งปันราวสามชั่วโมงกว่า เรื่องหนึ่งที่ได้ความรู้จากคุณพ่อคือ ถ้าอยากไปเข้าเงียบ มีที่สวนเจ็ดริน คนเดียวก็ไปได้ เมื่อตัวน้อยได้ทราบ ตัวน้อยถามพระเจ้าว่า ทำไมต้องให้รอตั้งเกือบปี ตั้งแต่ถูกเรียกกลับ จึงได้เข้าเงียบที่หัวหิน ของ คณะพระหฤทัย พอไปเข้าเงียบที่สวนเจ็ดรินจึงเข้าใจ คือแม้ว่า ไปเข้าเงียบคนเดียว แต่ถ้าไม่มีพื้นฐานเลย คงทำได้ ไม่ดีแบบนี้
พระเจ้ายิ่งใหญ่ สุดยอดยิ่งใหญ่ ขอโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าสุดจิตสุดใจ
ในวันที่สาม ช่วงสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยง ตัวน้อยเข้าไปสวดสายประคำพระเมตตา ในวัดน้อย เป็นครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่ได้เฝ้าศีลใกล้ ๆ แบบนี้ (ใกล้ตา ก็ใกล้ใจ) บทสวด คือ
ข้าแต่พระบิดานิรันดร ลูกขอถวายแด่พระองค์ซึ่งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ พระเทวภาพแห่งพระบุตรสุดที่รักของพระองค์ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของลูกทั้งหลาย เพื่อชดเชยบาปของลูก และมนุษย์ทั้งมวล
ระหว่างสวดไป มองตู้ศีลไป พระเยซูประทับอยู่ที่นั่น เฝ้าคอยให้เรา ลูก ๆ ของพระองค์มาหา ( ตอนสองเดือนที่แล้ว(เมย.) ไปเข้าเงียบที่หัวหิน ได้แต่งเพลง บอกรักพระเยซู และเมื่อเดือนที่แล้ว(พค.) ไปเกาหลี ได้แต่งเพลง จากใจพระเยซู บอกรักพระเยซูไปแล้ว ในใจคิดเสียใจ ทำไม ไม่ค่อยรักพระบิดา)
เมื่อสวดบทพระบิดานิรันดร สวดด้วยหัวใจ ด้วยหัวใจที่รักพระเยซูเจ้า แล้วต้องถวายคนที่รักให้พระบิดา ไปไหน ไปตาย ไปถูกตรึงกางเขน ต้องเจ็บปวดแสนสาหัส ตัวน้อยสวดไป ร้องไห้ไป ( ฟูมฟายมากมายเลยทีเดียว ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น เข้าใจความรู้สึกนี้ใช่ไหมคะ)
แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า ขนาดตัวน้อยยังเสียใจ โศกเศร้าขนาดนี้ แล้วพระบิดาหล่ะ จะต้องเจ็บปวด โศกเศร้าแค่ไหนที่เห็นพระบุตรสุดที่รัก ต้องเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสขนาดนี้
แค่บาดแผลก็ห้าพันสี่ร้อยแปดสิบแผล แล้วการดูถูกเหยียดหยาม จากมนุษย์ใจบาปหยาบช้า เนรคุณพระผู้สร้าง เห็นไหมคะ พระบิดาทรงรักมนุษย์มากแค่ไหน แล้วดูสิ่งที่มนุษย์ตอบแทนความรักของพระองค์สิ แต่พระบิดาเจ้าทรงให้อภัยครั้งแล้วครั้งเล่า ทรงเฝ้ารอคอยให้สำนึกกลับใจ ด้วยความรู้สึกได้ถึงความรักของพระบิดา มัน....ล้นใจ พอเช้าวันที่สี่ เพลง “พระบิดารักเจ้า” ก็หลั่งไหลออกมาจากหัวใจ และในตอนบ่ายสองเข้าแบ่งปันกับนายชุมพาบาลที่สี่ ได้ร้องเพลงให้คุณพ่อฟัง เนื้อเพลงคือ
ลูกน้อย เจ้ารู้มั๊ย พ่อแม่รักเจ้าเพียงใด เมื่อลูกหัวเราะสดใส หัวใจ พ่อแม่เบิกบาน
,, เมื่อลูกตัวร้อนเป็นไฟ หัวใจ พ่อแม่ทรมาน
,, เมื่อลูกหลงเดินผิดไป หัวใจ พ่อแม่ร้าวระบม
,, เมื่อลูกทำบาปซ้ำไป หัวใจ พ่อแม่ทุกข์ระทม
อยากให้รู้...พระบิดารักเจ้า เฝ้าแลตาม ดูแล บำรุง รักษา
อยากให้รักพระองค์ทุกวันเวลา พระวาจา จงตั้งใจฟังให้ดี
จงรักในพระเจ้า สุดจิตสุดใจ ในทุกวัน จงรัก ซึ่งกันและกัน เหมื่อนดั่งพระเจ้ารักเจ้า
จงอภัยให้ทุกครั้งเหมือนดังพระเจ้าทรงทำ จงจดจำ เรียนรู้เปลี่ยนแปลง แล้วเจ้าจะได้ชีวิตนิรันดร์
พอแต่งเพลงให้พระบิดาเสร็จ คิดถึงแม่พระ ต้องแต่งเพลงให้แม่พระบ้าง เดี๋ยวแม่พระน้อยใจ
ช่วงนั้น ตัวน้อยเพิ่งเข้าพลมารีย์ และได้อ่านหนังสือแม่รักลูก เล่มหนึ่ง ซึ่งลูกแกะพี่เลี้ยงท่านหนึ่งให้มา ทำให้รู้จัก และรับรู้ถึงความรักของพระแม่ที่มีต่อลูก ๆ ในสารขอแม่พระ คำลงท้ายคือ จากแม่ผู้รักลูกสุดหัวใจ ตัวน้อยได้อ่าน น้ำตาซึม เสียใจที่ผ่านมาไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยศรัทธาในพระแม่ เพราะตัวน้อยถูกพระเยซูเรียกกลับ ก็รักแต่พระเยซู เมื่อจะแต่งเพลงถวายพระแม่ เปิดหนังสือแม่รักลูก และหยิบข้อความจากหนังสือมาแต่ง ยากมาก...ยาวมาก... ข้อมูล เนื้อหาที่อยากใส่ลงในเพลงมีมาก ต้องแก้ไปสามรอบ ตอนบ่ายของวันที่ห้า ได้ร้องให้นายชุมพาบาลที่สี่ฟัง ชื่อเพลง จากพระแม่ผู้นำสารของพระบิดา เนื้อเพลง คือ
พระแม่ ผู้นิรมล เมตตา สุภาพ ถ่อมตน แบบอย่างของคริสตชน จงเปิดใจรับพระแม่
พระแม่ ผู้นำสารจากพระบิดา ผู้รับใช้เสมอ โปรดเทอญนำลูกกลับมา ด้วยพระจิตนำทาง
จงมั่นสวดภาวนาด้วยหัวใจ พระเจ้าพอพระทัย ผู้คนได้ทำบาปหลงลืม พระเจ้าเสียพระทัย
จงมั่นทำความดี ด้วยหัวใจ พระเจ้าพอพระทัย จงอย่าฟังจิตชั่ว หลงไป พระเจ้าเสียพระทัย
จงมีสติวอนขอ พระปรีชาจากพระเป็นเจ้า แม้เศร้าโศกทุกข์ใด ขอจงอย่าหวั่นไหว
พระเมตตาคุ้มครอง แล้วเจ้าจะปลอดภัย พระหรรษทานหลั่งไหลความสุขแท้จะเกิดแก่ใจ
เมื่อใดทำผิดไป จงรีบสำนึกกลับใจ ขอให้รักเสียสละเอื้อเฟื้อเพื่อผู้อื่น
จงนำความเชื่อศรัทธาสั่งสอนประกาศทุกพระวาจา มีแม่เป็นผู้นำพา อย่าหวาดกลัว จงวางใจ.
อีกสองเดือนต่อมา(สค.) เมื่อตัวน้อยได้ขอให้นายชุมพาบาลที่หนึ่งปรับแต่ง และใส่คอร์ดเพลงที่ตัวน้อยแต่งให้ สำหรับเพลงนี้ คุณพ่อบอกต้องรื้อใหม่ทั้งเพลง (อื่อ..อื่อ...) เพราะพระศาสนจักรยังไม่รับรองว่า พระแม่มารีย์เป็นผู้นำสารของพระบิดา และการประจักษ์ที่ลำไทร คงเหมือนท่านนักบุญ หรือมรณสักขีทั้งหลาย ที่ต้องใช้เวลาตั้งหลาย ๆ ปีกว่าจะรับรอง ตัวน้อยเขียนไว้ให้อ่านเล่น ๆ ล่วงหน้า เผื่อว่า ผ่านไปอีกหลาย ๆ ปี จะได้การรับรองนะคะ
พอแต่งเพลงให้แม่พระเสร็จ ขาดแต่เพลงของพระจิต เดี๋ยวพระจิตเสียพระทัย ตัวน้อยได้ขอให้นายชุมพาบาลที่สี่หาข้อมูลของพระจิต และกรุณานำเอาให้ตอนมิสซาหกโมงเย็น พอมิสซาเลิก ได้ขอให้คุณพ่อปกศีรษะขอพรพระจิตให้แต่งเพลงได้สำเร็จ แล้วคืนนั้น อ่านข้อมูลพระจิต แล้วเช้า วันที่หก เริ่มแต่งเพลง
สัญญาลักษณ์ของพระจิต หนึ่ง คือสายลม น้ำ ตั้งแต่วันที่สอง ที่เริ่มรำพึงในสวน ตัวน้อยรู้สึกถึงสายลมที่พัดอยู่รายรอบตัว ยังแบ่งปันกับคุณพ่อว่า ไม่ใช่ทุกวันใช่ไหมคะ ที่มีลม แต่ตลอดเวลาที่รำพึงอยู่ในสวน จะรู้สึกได้ถึงสายลมที่พัดอยู่รอบตัว ดังนั้น ประโยคแรกของเพลงคือ
ฉันสัมผัสสายลม พรมกอดเย็นถึงใจ
สอง. นกพิราบ เมื่อรำพึงอยู่ในสวน มีนกบินไปมา เดินเตาะแตะ หาอาหาร ร้อง..อยู่ในสวน มีพระวาจาตอนหนึ่งใจความว่า “แม้แต่ต้นไม้ นกน้อยใหญ่ ไม่ได้ทำงาน พระเจ้ายังทรงเลี้ยงดูอย่างดีฉันใด แล้วมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่พระเจ้าทรงรัก และโปรดปรานที่สุด พระเจ้าย่อมทรงเลี้ยงดูอย่างดีกว่าฉันนั้น จงอย่ากังวลใจ จงสละทุกสิ่ง และติดตามเรามา” (รบกวนอีกแล้ว ของใคร บท และข้อใด ผู้ใดทราบ กรุณาตอบทางเมล์หน่อยนะคะ ขอบคุณจากทั้งหมดของหัวใจคะ) และอีกหนึ่งพระวาจาที่เพิ่งอ่านเจอ(ตค.) แล้วจดไว้ คือ “ไม่มีนกสักตัวที่พระเจ้า ทรงลืม อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก” ลูกา 12:7 ประโยคที่สองจึงเป็น
เสียงนกร้องแว่วมา พาใจให้เบิกบาน
สาม.พระจิต คือไฟ ประโยคที่สามและสี่จึงเป็น
ฉันอบอุ่นด้วยรัก สุขนักมาก จนล้นใจ
พระจิตเป็นแสงนำไป สู่พระราชัยสวรรค์
สี่ พระหรรษทานของพระจิต มีเจ็ดประการ คือ สติปัญญา ปรีชาญาณ ความคิดอ่าน ศรัทธา ความยำเกรงพระเจ้า ความกล้าหาญ อีกข้อ แฮะ...แฮะ.. จำไม่ได้คะ ใครทราบช่วยกรุณาบอกหน่อยนะคะ ประโยคที่ห้า และหกจึงเป็น
ถ้าฉันขาดพระองค์ ฉันคงหลงเดินผิดไป
โปรดหลั่งพระพรนานา ทั้งปัญญา แห่งปรีชาญาณ
ห้า. พระจิต เป็นองค์บรรเทา เป็นองค์เยียวยา ประโยคที่เจ็ด และแปด จึงเป็น
ขอพระองค์บรรเทา ปัดเป่าความทุกข์ในใจ
ขอพระองค์รักษา เยียวยา ให้ลูกมั่นคง.
และข้อความพิเศษที่อ่านพบก็คือ
“สำหรับบางคน พระเจ้าทรงโปรดให้ตามที่เขาขอโดยฉับพลัน และอย่างน่าอัศจรรย์ใจ เช่นกลับใจมาหาพระคริสตเจ้าในทันที รู้สึกอย่างแท้จริงว่า พระองค์ทรงรัก และประทับอยู่ด้วย พ้นจากความสงสัย และความกระวนกระวาย มีความปิติ และสงบใจอย่างเหลือล้น.....แต่สำหรับบางคนพระเป็นเจ้าทรงโปรดให้อย่างแท้จริงเหมือนกัน แต่เป็นขั้น ๆ ดูภายนอก ก็ไม่ปรากฏอะไรให้เห็นในเวลาภาวนา แต่ภายหลังซึ่งอาจจะเป็นหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน เขาจะรู้สึกมีความชื่นชอบ
และสงบใจ กระหายใคร่อ่าน หรือฟังพระวาจาของพระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์ ปรารถนาอยากชิดสนิทกับพระเป็นเจ้า ด้วยการภาวนา และการรับศีลศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศีลมหาสนิท รักพระศาสนจักรมากขึ้น พร้อมกับอยากเป็นสมาชิกที่ดี และขยันขันแข็งยิ่งขึ้น เขาจะได้รับการชักนำให้ภาวนาร่วมกับผู้อื่นในที่ชุมนุม และให้การรับใช้ผู้อื่น เพราะเห็นแก่พระคริสตเจ้า นี่แหละคือผลดีต่าง ๆ ที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงยกย่องสรรเสริญในคำปราศรัยของพระองค์ เมื่อวันที่
11 ตค. 1973 (จากหนังสือ พระจิตเจ้า หน้า 8)
ตัวน้อยอ่านเจอข้อความนี้ อึ้ง...ใช่เลย... เหมือนโคนนิ่ง เหมือนอย่างกับฝาแฝด ไม่ทราบคนบาปกลับใจ จะเป็นแบบนี้เหมือนตัวน้อยทุกคนหรือเปล่านะคะ
พระเจ้าทรงรักโลกอย่างมาก จึงประทานพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร ยอห์น 3:16
ให้ท่านทั้งหลายรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน ยอห์น 15:12
จงมาเถิด จงเดินตามพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นแสงสว่างของเรา อิสยาห์ 2:5
พระจิตพำนักอยู่เหนือเขา คือจิตแห่งปรีชาญาณ และความเข้าใจ อิสยาห์ 11:2
พระจิตของพระองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน...ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อปลอบโยนทุกคนที่มีความทุกข์ อิสยาห์ 61:1-2
ขอ “สันติสุขของพระเจ้าจะคุ้มครองดวงใจ และความคิดของท่าน (ฟิลิปปี 4:7) อาแมน
Good night and God bless you. Ka
. ลูกแกะตัวน้อย.
31.1.12 ส่งเมล์
พบกันใหม่วันพฤหัสบดี กับเรื่องที่ 26 สวรรค์ นรก
============================================================
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น